วิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด
การทำความเข้าใจ วิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด จะช่วยให้เรามั่นใจว่าครีมกันแดดยังมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดค่ะ หากใช้กันแดดหมดอายุอาจทำให้ผิวได้รับรังสี UV โดยตรงแบบไม่ได้รับการปกป้องที่เพียงพอ และเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือปัญหาผิวได้ ก่อนใช้ครีมกันแดดทุกครั้งจึงควรเช็กวันหมดอายุครีมกันแดดก่อนเสมอค่ะ
บทความนี้ Goodlybeauty จะมาแนะนำวิธีการเช็กกันแดดหมดอายุง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากันแดดหมดอายุ พร้อมบอกวิธีสังเกตว่าครีมกันแดดที่หมดอายุ มีลักษณะเป็นอย่างไรค่ะ
คลิกอ่านหัวข้อ วิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด
3 วิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด เช็กเองได้เบื้องต้น
เช็กจากสัญลักษณ์ PAO
การดูวันหมดอายุครีมกันแดดสามารถดูได้จากสัญลักษณ์ PAO (Period After Opening) ที่เป็นรูปกระปุกเปิดที่มีตัวเลขและตัวอักษร “M” กำกับ เช่น 6M, 12M หรือ 24M ซึ่งหมายถึงระยะเวลาที่สามารถใช้ได้หลังจากเปิดผลิตภัณฑ์
ตัวอย่างเช่น “12M” หมายถึงใช้ได้ 12 เดือนหลังจากเปิดฝา หากเกินระยะเวลานี้ ครีมกันแดดอาจเสื่อมสภาพและมีประสิทธิภาพลดลง
ดังนั้น จึงควรจดวันที่เปิดใช้งานไว้บนบรรจุภัณฑ์ และหมั่นสังเกตเนื้อสัมผัส สี และกลิ่นของครีมกันแดด หากผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพราะอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้
ดูวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์
ครีมกันแดดส่วนใหญ่จะมีการระบุวันหมดอายุ Expirration Date (EXP) ไว้บนบรรจุภัณฑ์ โดยมักอยู่ที่ก้นหลอด ฝาขวด หรือด้านหลังกล่อง นอกจากนี้ กันแดดบางผลิตภัณฑ์อาจใช้คำว่า “BBE” (Best Before End) แทนวันหมดอายุ ซึ่งหมายถึงวันที่แนะนำให้ใช้ก่อนเพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุด
หากครีมกันแดดถูกเก็บไว้นานใกล้ถึงวันหมดอายุ หรือหากใช้งานต่อเนื่องแล้วพบว่าสภาพครีมเปลี่ยนไป แม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดวันหมดอายุตามที่ระบุ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานค่ะ
เพราะอาจเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น สิวอุดตัน อาการแพ้ หรือผื่นแดง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของครีมกันแดดจึงควรเก็บรักษาในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการโดยแสงแดดโดยตรง และเปิดฝาให้สนิททุกครั้ง
เช็กจากเว็บไซต์ออนไลน์
หากครีมกันแดดที่ใช้ไม่มีการระบุวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ หรือมีเพียงเลขล็อตผลิต (Batch Code) เราสามารถนำรหัสนั้นไปตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ของแบรนด์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ช่วยคำนวณวันหมดอายุ เช่น CheckCosmetic.net หรือ CheckFresh.com
นอกจากนี้ การเช็กวันหมดอายุครีมกันแดดผ่านเว็บไซต์ทางการของแบรนด์ ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์แท้และอยู่ในช่วงอายุที่ปลอดภัยค่ะ แต่หากพบว่าครีมกันแดดหมดอายุแล้ว หรือใกล้หมดอายุ ควรหยุดใช้ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง และเพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องจากแสงแดดอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ครีมกันแดดหมดอายุ ดูอย่างไร ?
สำหรับวิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด สามารถดูได้ง่าย ๆ ด้วยการเช็ก วันหมดอายุ (EXP – Expiration Date) บนบรรจุภัณฑ์ หรือสังเกตสัญลักษณ์ PAO ที่เป็นรูปกระปุกเปิดฝาพร้อมตัวเลข เช่น 12M หมายถึงใช้ได้ 12 เดือนหลังเปิดฝา
อีกวิธีที่ช่วยให้แน่ใจว่าครีมกันแดดทาหน้ายังใช้ได้ ก็คือ การสังเกตสี กลิ่น และเนื้อสัมผัส หากพบว่าครีมกันแดดแยกชั้น สีเปลี่ยนไป มีกลิ่นผิดปกติ หรือเนื้อสัมผัสจับตัวเป็นก้อน อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าหมดอายุแล้ว ควรหยุดใช้ทันที เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลในการกันแดดแล้ว ยังอาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ด้วย
โดยทั่วไปแล้วครีมกันแดดหมดอายุเมื่อไหร่ ? อยู่ได้นานแค่ไหน ?
โดยทั่วไป ครีมกันแดดวันหมดอายุจะถูกกำหนดไว้ที่ประมาณ 2-3 ปี นับจากวันผลิต หากยังไม่เปิดใช้งาน ครีมกันแดดก็จะสามารถคงคุณภาพได้นานตามที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ แต่เมื่อเปิดใช้แล้ว ควรดูที่สัญลักษณ์ PAO หากเก็บรักษาไม่ดี วางไว้ในที่ร้อนจัดหรือโดนแสงแดดโดยตรง อาจทำให้ครีมกันแดดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
และแม้ว่าวันหมดอายุของครีมกันแดดจะยังไม่ถึง แต่หากพบว่าเนื้อครีมกันเปลี่ยนสี แยกชั้น หรือมีกลิ่นที่ผิดปกติ ควรหยุดใช้งานทันที เพราะหมายความว่าครีมกันแดดไม่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไปค่ะ
การใช้กันแดดหมดอายุ ส่งผลต่อผิวอย่างไร ?
หากใช้ครีมกันแดดหมดอายุ ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV อาจลดลง ทำให้ผิวได้รับแสงแดดโดยตรงมากขึ้น เช่น
- ปัญหาผิวไหม้ ฝ้า กระ จุดด่างดำ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังได้
- สารกันแดดที่เสื่อมสภาพ ไม่สามารถสะท้อนหรือดูดซับรังสีได้ดีเหมือนเดิม
- ผิวไม่ได้รับการปกป้องจากแสงแดด
- มีโอกาสเกิดการระคายเคืองผิว ผื่นแพ้ หรือเกิดการอักเสบ
เนื่องจากส่วนผสมบางอย่างเสื่อมสภาพหรือแยกตัว เพราะกันแดดหมดอายุ จะทำให้เนื้อครีมเปลี่ยนไป ซึ่งนี่ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้ทราบว่าควรหยุดใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาผิวและความปลอดภัย
กันแดดหมดอายุไว เกิดจากอะไร ?
การที่ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดหมดอายุไวกว่าปกติ อาจเกิดจากการเก็บรักษาไม่ถูกต้อง เช่น วางไว้ในที่ร้อนจัด หรือ โดนแสงแดดโดยตรง ความร้อนและแสงสามารถทำให้สารกันแดดเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด ทำให้ประสิทธิภาพลดลง รวมถึง การเปิดใช้งานบ่อย ๆ โดยที่เปิดฝาทิ้งไว้ อาจทำให้อากาศและความชื้นเข้าไป ส่งผลให้เนื้อครีมแยกชั้นหรือเปลี่ยนคุณสมบัติได้เร็วขึ้น
อีกปัจจัยที่ทำให้ครีมกันหมดอายุเร็วขึ้น คือ การใช้มือสัมผัสเนื้อครีมโดยตรงค่ะ เพราะอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกปนเปื้อน ส่งผลให้เนื้อครีมเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น ดังนั้น จึงควรใช้ช้อนหรือไม้พายเล็ก ๆ ตักครีมแทน และปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้
วิธีเก็บรักษาครีมกันแดด เพื่อยืดอายุการใช้งาน
การเก็บรักษาครีมกันแดดให้ถูกวิธี สามารถช่วยคงประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้ ซึ่งควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการวางในที่ร้อนจัด เช่น ในรถยนต์ หรือบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะความร้อนและแสงสามารถทำให้สารกันแดดเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
นอกจากนี้ ควรปิดฝาครีมกันแดดให้สนิทหลังใช้งานทุกครั้ง เพื่อลดโอกาสที่อากาศและเชื้อแบคทีเรียจะปนเปื้อนลงไปในเนื้อครีม ซึ่งอาจทำให้ครีมกันแดดเสื่อมคุณภาพเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การตรวจสอบอายุการใช้งานของครีมกันแดด โดยใช้วิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้น
สรุปเรื่องวิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด
จะเห็นได้ว่า วิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด โดยสามารถเช็กได้จากวันหมดอายุ (EXP – Expiration Date) ที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์หรือดูที่สัญลักษณ์ PAO ซึ่งบอกระยะเวลาการใช้งานหลังจากเปิดฝา
หากพบว่าครีมกันแดดมีการเปลี่ยนสี กลิ่น หรือเนื้อสัมผัสแปลกไป ก็อาจเป็นสัญญาณบอกว่าหมดอายุและไม่ควรใช้ต่อ
นอกจากนี้ การเก็บรักษาที่ถูกต้องก็มีส่วนช่วยให้ครีมกันแดดคงคุณภาพได้นานขึ้นค่ะ ซึ่งควรเก็บในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน และปิดฝาให้สนิทหลังการใช้งานทุกครั้ง
การตรวจสอบและเข้าใจวิธีดูวันหมดอายุครีมกันแดด จะช่วยให้เราใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างปลอดภัย ป้องกันปัญหาผิวที่อาจเกิดจากการใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุ