ฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นหนึ่งในฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นตัวเลือกยอดฮิตที่คลินิกความงามหลายแห่งเลือกใช้ ในปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ แต่ทำไมฟิลเลอร์ Juvederm ถึงถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย เพื่อน ๆ หลายคนอาจสงสัยกันใช่ไหมคะ ว่าฟิลเลอร์ตัวนี้มีจุดเด่นและข้อดีอะไรบ้าง
บทความนี้ Goodlybeauty จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ฟิลเลอร์ Juvederm อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ? มีจุดเด่นและคุณสมบัติอย่างไร? ใช้เทคโนโลยีอะไรในการผลิต ? มีรุ่นไหนบ้าง ? แต่ละรุ่นเหมาะกับจุดใด ? และราคาประมาณเท่าไหร่ ? มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้เลยค่ะ
สารบัญ ฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ Juvederm คือ ฟิลเลอร์ที่จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกายสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่มาจากประเทศอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันกับที่ผลิตโบท็อก Allergan นั่นเองค่ะ
Juvederm เป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (TH FDA) และสหรัฐอเมริกา (US FDA) นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Allergan Thailand
ฟิลเลอร์ Juvederm ใช้เทคโนโลยีอะไรในการผลิต ?

ในฟิลเลอร์หลายยี่ห้อแม้ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ที่อยู่ในกลุ่ม Hyaluronic Acid (HA) เหมือนกัน แต่ฟิลเลอร์ Juvederm มีความแตกต่างออกไปค่ะ เนื่องจากเทคโนโลยีกระบวนการผลิตโดยเฉพาะของฟิลเลอร์ Juvederm ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีคุณภาพสูง เนื้อมีความเนียนละเอียด มีความยืดหยุ่น หลังฉีดมีความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
ซึ่งเทคโนโลยีและขั้นตอนการผลิตที่แตกต่างนี้เองทำให้มี ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่หลายรุ่น แต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติทางกายภาพที่ดีแตกต่างกันออกไป เพื่อให้มีความเหมาะสมกับจุดที่ต้องการใช้
สำหรับเทคโนโลยีกระบวนการผลิตเฉพาะของฟิลเลอร์ Juvederm จะมีอยู่ด้วยกัน 2 เทคโนโลยี คือ Hylacross Technology และ Vycross Technology ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น
1. Hylacross Technology
Hylacross Technology คือ เทคโนโลยีดั้งเดิมของฟิลเลอร์ Juvederm ที่ทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของค่าความอุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ตัวฟิลเลอร์มีความฟู เนื้อเนียนละเอียด ทนต่อการขยับได้ดี จึงเหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มีการขยับบ่อยๆ
2. Vycross Technology
Vycross Technology คือ เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาล่าสุด เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการยกกระชับได้ดี มีโมเลกุลการยึดเกาะที่เหนียวแน่น หากเทียบกับฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ แล้ว ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ใช้เทคโนโลยี Vycross ในการผลิต จะทำให้มีการบวมน้ำหรืออุ้มน้ำน้อยกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาหลังฉีดนั้นมีความเรียบเนียน ยังคงดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อีกทั้งยังอยู่ได้นานขึ้น
เพื่อน ๆ จะเห็นได้ว่า ฟิลเลอร์ Juvederm มีหลายรุ่นให้ได้เลือกใช้เพื่อช่วยปรับรูปหน้า แก้ปัญหาตามจุดต่าง ๆ และด้วยเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน ทำให้ได้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ได้มาตรฐานระดับโลก จึงถูกนำไปใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นอย่างไร ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร?
ฟิลเลอร์ Juvederm โดดเด่นด้วยเนื้อเจลที่เรียบเนียน ซึ่งเกิดจากเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ อย่าง Hylacross และ Vycross Technology ทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับของผิว ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูเรียบเนียนและไม่เป็นก้อน ทั้งยังเหมาะกับการฉีดในจุดที่มีการขยับของผิวบ่อย เช่น บริเวณรอบปากหรือใต้ตา
นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ยังมีจุดเด่นในเรื่องการเชื่อมพันธะโมเลกุล (Crosslink) ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ฟิลเลอร์คงตัวอยู่ได้นาน สลายช้า และลดการบวมน้ำหลังฉีด ช่วยให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ ไม่ฟูจนเกินไป และเหมาะกับการยกกระชับผิวในจุดต่าง ๆ
อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของฟิลเลอร์ Juvederm คือมีส่วนผสมของ ยาชา (Lidocaine) ช่วยลดความเจ็บระหว่างฉีด ทำให้คนไข้รู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ยังมีหลายรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด
ด้วยมาตรฐานการผลิตจาก Allergan และการรับรองจาก อย. ฟิลเลอร์ Juvederm จึงเป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้ทั้งคุณภาพและความปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ได้นานค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น ? เหมาะกับฉีดบริเวณไหนบ้าง ?

แม้ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ Juvederm ยี่ห้อเดียวกันก็ตาม แต่ด้วยเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ทำให้ฟิลเลอร์ Juvederm มีด้วยกันอยู่หลายรุ่นตามคุณสมบัติทางกายภาพที่หลากหลาย โดยฟิลเลอร์ Juvederm มีทั้งหมด 6 รุ่น ดังนี้
1. ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra Plus

ฟิลเลอร์ Juvederm Ultraplus เป็นรุ่นที่มีลักษณะเนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึก จากการเปลี่ยนแปลงตามวัย หลังฉีดช่วยให้ร่องลึกเต็มสวยขึ้น
จุดที่เหมาะกับการฉีด : ขมับ ร่องแก้ม ปาก
อยู่ได้นานประมาณ : 12 เดือน
2. ฟิลเลอร์ Juvederm Volbella

ฟิลเลอร์ Juvederm Volbella เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีโมเลกุลขนาดเล็กที่มีความละเอียดมากที่สุด จึงเหมาะสำหรับการเติมบริเวณที่ต้องการความเรียบเนียน หลังฉีดจะดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
จุดที่เหมาะกับการฉีด : หน้าผาก
อยู่ได้นานประมาณ : 12 เดือน
3. ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma

ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma เป็นรุ่นที่มีลักษณะเนื้อทนและฟูปานกลางค่ะ มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการแก้ไขส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าตามเทคนิคของแพทย์
จุดที่เหมาะกับการฉีด : ใต้ตา ร่องแก้ม หรือส่วนอื่นตามเทคนิคของแพทย์ เช่น คาง ขมับ
อยู่ได้นานประมาณ : 18 เดือน
4. ฟิลเลอร์ Juvederm Volift

ฟิลเลอร์ Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีลักษณะเนื้อนิ่ม ละเอียดมากกว่ารุ่น Ultra Plus จึงเหมาะ กับคนผิวบาง สามารถนำไปฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า
จุดที่เหมาะกับการฉีด : หว่างคิ้ว ใต้ตา แก้มตอบ ร่องแก้ม ปาก มุมปาก
อยู่ได้นานประมาณ : 12 เดือน
5. ฟิลเลอร์ Juvederm Volite

ฟิลเลอร์ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์รุ่นเนื้อฉ่ำ นิยมใช้ฉีดบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น จึงเหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป
จุดที่เหมาะกับการฉีด : ใต้ตาชั้นตื้น หรือผิวชั้นตื้น
อยู่ได้นานประมาณ : 8-12 เดือน
6. ฟิลเลอร์ Juvederm Volux

ฟิลเลอร์ Juvederm Volux ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการพัฒนาออกมาล่าสุด เป็นฟิลเลอร์เนื้อทน มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุดค่ะ
จุดที่เหมาะกับการฉีด : คาง ใต้ตา ขมับ และร่องแก้มชั้นลึก
อยู่ได้นานประมาณ : 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไร ?
โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ ราคาจะแตกต่างกันตามรุ่นและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละบริเวณของใบหน้า โดยราคาเริ่มต้นโดยประมาณของฟิลเลอร์ Juvederm มีดังนี้
- Juvederm Ultra Plus : ราคาเริ่มต้นที่ 6,990 บาท/1 cc
- Juvederm Voluma : ราคาเริ่มต้นที่ 12,500 บาท/1 cc
- Juvederm Volift : ราคาเริ่มต้นที่ 12,900 บาท/1 cc
- Juvederm Volite : ราคาเริ่มต้นที่ 12,900 บาท/1 cc
- Juvederm Volbella : ราคาเริ่มต้นที่ 11,000 บาท/1 cc
- Juvederm Volux : ราคาเริ่มต้นที่ 18,000 บาท/1 cc
ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เห็นผลได้ภายในกี่วัน ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเลยค่ะ
โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนเมื่อฟิลเลอร์เข้าที่หลังฉีดแล้วใน 7-14 วัน และถ้าเป็นฟิลเลอร์แท้ได้มาตรฐานมี อย.รับรอง สามารถอยู่ได้นาน 6-24 เดือนด้วยกันค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและฉีดฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นอะไรด้วยนะคะ
ฟิลเลอร์ Juvederm อันตรายไหม ? มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ไม่เป็นอันตรายค่ะ เพราะฟิลเลอร์จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสารนี้ถูกผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว สามารถสลายตามธรรมชาติได้หมด 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปทดแทนในส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจน ไฮยาลูรอนที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น หลังฉีดผิวที่ดูหย่อนคล้อย ก็จะดูกระชับขึ้น เต่งตึง มีน้ำมีนวล ช่วยให้หน้าดูเด็กลงอีกครั้งค่ะ
ในส่วนของผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เบื้องต้นเพื่อน ๆ บางคนอาจพบอาการเขียวช้ำจากเข็ม หรืออาการบวมบ้าง ทั้งจากตัวยาเองหรือจากเข็มถือเป็นเรื่องปกติค่ะ โดยอาการเหล่านี้จะสามารถหายไปเองและค่อย ๆ ดีขึ้นได้ภายในระยะเวลา 3-4 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์
วิธีดูว่าฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้หรือไม่ ?

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ต้องการตรวจสอบว่า ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ใช้เป็นของแท้หรือไม่ สามารถเช็กได้ตามรายละเอียดดังนี้
- สภาพกล่องฟิลเลอร์ Juvederm ต้องอยู่ในสภาพดี ไม่มีตำหนิหรือถูกแกะมาก่อน
- บรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์ Juvederm บนกล่องจะต้องมีฉลากภาษาไทยที่ชัดเจน บอกถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์ บริษัทที่นำเข้า เลขทะเบียน อย. การเก็บรักษา
- ภายในบรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์ Juvederm มีเอกสารกำกับภาษาไทยที่ชัดเจนอยู่ภายในกล่อง
- การบรรจุตัวฟิลเลอร์ ภายใน 1 กล่องมี 2 cc ถูกบรรจุในซองแยกกัน ซองละ 1 cc โดยตัวยาจะถูกบรรจุภายในหลอด และยังไม่มีร่องรอยการถูกเปิดใช้งานมาก่อน
- เลข lot. ต้องตรงกันทุกจุด คือ เลข lot. ที่กล่อง ซอง สติกเกอร์ และหลอดฟิลเลอร์
- การตรวจสอบ เลข lot. กับคลินิกสามารถโทรตรวจสอบกับบริษัท Allergan Thailand ได้ที่เบอร์ 062-460-7717
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง เพื่อน ๆ อย่าลืมให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ใหม่ให้ดูต่อหน้า เพื่อตรวจสอบว่ากล่องฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ในสภาพดีไม่มีตำหนิหรือถูกเปิดใช้งานแล้ว และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ ของใหม่แกะกล่องแน่นอนค่ะ
วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ให้ปลอดภัย

- เลือกคลินิกได้รับอนุญาตและมีมาตรฐาน
คลินิกต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข พร้อมแสดงเลขที่ใบอนุญาตอย่างชัดเจน ทำเลที่ตั้งควรเดินทางสะดวก อยู่ในพื้นที่ที่สะอาด มีความน่าเชื่อถือ และไม่อับทึบ - เลือกแพทย์ที่ให้บริการมีประสบการณ์และตรวจสอบได้
แพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ต้องมีความชำนาญและประสบการณ์ในการปรับรูปหน้า สามารถตรวจสอบรายชื่อได้จาก เว็บไซต์แพทยสภา เพื่อยืนยันว่าเป็นแพทย์จริง - เลือกใช้ฟิลเลอร์ Juvederm แท้ ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย.
ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ใช้ต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้ โดยนำเข้าจากบริษัทที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง หมอจะต้องแกะกล่องใหม่ให้ดูก่อนฉีดทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจ - มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
ควรเลือกคลินิกที่มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในแหล่งที่เป็นกลาง เช่น Facebook Review, Pantip, Google Maps โดยรีวิวควรมีทั้งภาพและวิดีโอเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน หากพบรีวิวที่มีปัญหา ควรพิจารณาดูวิธีการรับผิดชอบของคลินิกด้วย - มีการดูแลติดตามผลและช่องทางการติดต่อที่สะดวก
คลินิกที่ดีควรมีการนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ รวมถึงมีช่องทางติดต่อที่สะดวก เช่น เบอร์โทรศัพท์ หรือ Line@ ที่สามารถสอบถามหรือปรึกษาแพทย์ได้โดยตรง
สรุปเรื่องฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm สัญชาติอเมริกาถือเป็นฟิลเลอร์ยอดฮิต ที่นิยมใช้กันมาอย่างยาวนาน ด้วยเทคโนโลยีและขั้นตอนการผลิตโดยเฉพาะของแบรนด์ ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง มีคุณสมบัติโดดเด่น และมีอยู่หลายรุ่นให้ได้เลือกใช้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหรือปรับเสริมในจุดต่างๆ ได้
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีด ฟิลเลอร์ Juvederm ได้ผลดี มีความปลอดภัย เพื่อน ๆ จะต้องพิจารณาเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้และเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคุณหมอที่มีประสบการณ์ด้วยนะคะ