ผิวผสม ใช้อะไรดี
ผิวผสม ใช้อะไรดี เป็นคำถามที่พบบ่อยสำหรับคนที่มีผิวที่ทั้งมันและแห้งในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone ที่มักจะมันมากกว่าส่วนอื่น ในขณะที่แก้มหรือขอบหน้ามักจะแห้งตึง ทำให้การดูแลผิวประเภทนี้ค่อนข้างซับซ้อน
ในบทความนี้ Goodlybeauty จะมาพาไปรู้จักกับลักษณะของผิวผสม แนะนำวิธีดูแลผิวผสมอย่างถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวประเภทนี้โดยเฉพาะ
คลิกอ่านหัวข้อ ผิวผสม ใช้อะไรดี
ผิวผสม คืออะไร ?
ผิวผสม (Combination Skin) เป็นประเภทผิวที่มีลักษณะผสมระหว่างผิวมันและผิวแห้งในใบหน้าเดียวกัน โดยทั่วไปบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก และคาง) จะมีความมันมากกว่าปกติ เนื่องจากต่อมไขมันในบริเวณนี้ทำงานมากกว่าส่วนอื่น ในขณะที่บริเวณแก้มและขอบใบหน้ามักจะแห้งหรือแห้งตึง

ลักษณะเด่นของผิวผสมที่สังเกตได้
- รูขุมขนบริเวณจมูก คาง และหน้าผากมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณอื่น
- ผิวมันวาวบริเวณ T-Zone โดยเฉพาะในช่วงกลางวันหรือหลังตื่นนอน
- แก้มและขอบใบหน้าอาจรู้สึกแห้ง ตึง หรือลอกเป็นขุย
- ผิวอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยในฤดูร้อนจะมันมากขึ้น ส่วนฤดูหนาวจะแห้งมากขึ้น
- ผิวอาจแพ้ง่ายเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
ผิวผสมเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน สภาพอากาศ และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม การดูแลผิวผสมจึงต้องให้ความสำคัญกับการปรับสมดุลความมันและความชุ่มชื้นในแต่ละบริเวณของใบหน้า
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ไขข้อสงสัย! ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวแพ้ง่าย คืออะไร ? ดูแลยังไงให้ผิวสุขภาพดี
เลือกสกินแคร์สำหรับผิวผสม ใช้อะไรดี ?
ผิวผสมเป็นลักษณะผิวที่มีความซับซ้อน เพราะต้องการการดูแลที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละบริเวณ การเลือกสกินแคร์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเรามาดูกันว่าหน้าผิวผสม ใช้ครีมอะไรดี มีส่วนผสมอะไรบ้างที่เหมาะกับสภาพผิวผสม เพื่อให้ผิวสุขภาพดีและสมดุล
คลีนเซอร์สำหรับผิวผสม
การทำความสะอาดผิวเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก สำหรับผิวผสมควรเลือกคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหรือมันเยิ้มเกินไป แนะนำดังนี้
- เจลล้างหน้า ที่มีค่า pH สมดุลกับผิว ช่วยทำความสะอาดได้ลึก แต่ไม่ทำร้ายผิว
- โฟมล้างหน้า สูตรอ่อนโยน ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ
- คลีนซิ่งออยล์ สำหรับการล้างเครื่องสำอางก่อนล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ปกติ
โทนเนอร์และเอสเซนส์
โทนเนอร์ช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป สำหรับผิวผสม ควรเลือก
- โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA ในปริมาณน้อย ช่วยผลัดเซลล์ผิวเบา ๆ
- เอสเซนส์ที่มี Hyaluronic Acid เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ผิวมัน
- โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ช่วยควบคุมความมันและลดการอักเสบ
เซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์
เซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบำรุงผิวผสม

เซรั่ม
- เซรั่มวิตามินซี ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและป้องกันอนุมูลอิสระ
- เซรั่มที่มี Hyaluronic Acid ให้ความชุ่มชื้นลึก
- เซรั่มที่มี Niacinamide ช่วยควบคุมความมันและลดรอยดำ
มอยส์เจอไรเซอร์
- เจลมอยส์เจอไรเซอร์ น้ำหนักเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- โลชั่นหรือครีมเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่อุดตันรูขุมขน
- ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “สำหรับผิวผสม” หรือ “Oil-free” โดยเฉพาะ
สำหรับผิวหน้าผสม ใช้ครีมอะไรดี ควรเลือกครีมหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อสัมผัสกึ่งเจลกึ่งครีม ให้ความชุ่มชื้นพอเหมาะ ไม่หนักผิว และควรมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันบริเวณ T-Zone ด้วย
ครีมกันแดด
ครีมกันแดดสำหรับผิวผสมควรเลือกแบบ
- เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-comedogenic)
- มีค่า SPF 50+ ปกป้องจากรังสี UVA และ UVB
- สูตร Oil-free หรือ Water-based เพื่อไม่ให้ผิวมันเยิ้ม
คลิกอ่านเพิ่มเติม : รีวิวครีมกันแดดทาหน้า ยี่ห้อไหนดีที่สุด ? กันน้ำกันเหงื่อ พร้อมสู้แดดจัดแบบไร้กังวล
มาส์กหน้าและทรีทเมนต์
การมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งช่วยฟื้นฟูผิวได้ดี สำหรับผิวผสม แนะนำให้
- ใช้มาส์กโคลนหรือชาร์โคลเฉพาะบริเวณ T-Zone เพื่อดูดซับความมันส่วนเกิน
- มาส์กบำรุงผิวที่มีสารให้ความชุ่มชื้นเฉพาะบริเวณแก้มหรือส่วนที่แห้ง
- มาส์กแผ่นที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ให้ความชุ่มชื้นทั่วใบหน้า
เคล็ดลับวิธีการดูแลผิวผสม ด้วยตัวเองง่าย ๆ
- ล้างหน้าให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหรืออุดตันรูขุมขน ควรเลือกเจลหรือโฟมล้างหน้าที่มีค่า p.5-6.5 และหลีกเลี่ยงการขัดหน้าแรง ๆ เพราะอาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามโซน
สำหรับบริเวณ T-Zone ที่มักมีความมัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำมัน มีส่วนผสมของ Niacinamide หรือ BHA ส่วนบริเวณแก้มหรือขอบหน้าที่แห้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี หรือกรดไฮยาลูรอนิก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างสม่ำเสมอ

เลือกมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา ปราศจากน้ำมัน ซึมซาบง่าย และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน การบำรุงความชุ่มชื้นช่วยควบคุมความมันและป้องกันปัญหาผิวแห้ง ทำให้ผิวสมดุล จึงจำเป็นแม้กับผิวที่มีความมัน
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
เลือกครีมกันแดดเนื้อบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน มีค่า SPF และ ค่า PA เหมาะสม ป้องกันทั้ง UVA และ UVB ครีมกันแดดสำหรับผิวผสมควรเป็นสูตร Oil-free และช่วยควบคุมความมันระหว่างวัน เพื่อป้องกันปัญหาฝ้า กระ และริ้วรอย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ขับของเสียผ่านเหงื่อ และลดระดับฮอร์โมนความเครียด ซึ่งส่งผลดีต่อผิวผสม ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง และล้างหน้าทันทีหลังออกกำลังกายเพื่อป้องกันการอุดตัน
- ผ่อนคลายความเครียด
ความเครียดกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ทำให้เกิดปัญหาสิวและผิวมัน ควรนอนหลับให้เพียงพอ ฝึกเทคนิคการหายใจ ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ และดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวสมดุลและสุขภาพดี
- เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว
ควรรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 วิตามินซี และสังกะสีสูง เช่น ปลาทะเล ผักและผลไม้สด ถั่ว และเมล็ดพืช ลดการบริโภคอาหารแปรรูป น้ำตาล อาหารทอด และแอลกอฮอล์ที่อาจกระตุ้นการอักเสบและการผลิตน้ำมัน
วิธีการดูแล ปรับสมดุลผิวผสม ด้วยหัตถการความงาม
นอกจากการรู้ว่า ผิวผสม ใช้ครีมอะไรดีแล้ว การดูแลรักษาด้วยหัตถการความงามช่วยแก้ไขปัญหาผิวผสมได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีหัตถการที่เหมาะกับผิวผสมดังนี้

- เมโสหน้าใส
เมโสหน้าใสเป็นการฉีดวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อฟื้นฟูและบำรุงผิวจากภายใน ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ รอยดำจากสิว ลดสิวอุดตัน และควบคุมความมันส่วนเกิน เหมาะสำหรับผิวผสมที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายหรือมีปัญหาผิวหมองคล้ำ ต้องการผิวกระจ่างใส
- ฟิลเลอร์ Skin Booster
การฉีดไฮยาลูโรนิคแอซิดโมเลกุลละเอียดใต้ผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว โดยไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม เหมาะสำหรับผิวผสมที่ส่วนแก้มหรือขอบหน้าแห้งขาดน้ำ ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นให้ทั่วใบหน้า โดยไม่กระทบบริเวณที่มีความมัน
- Collagen Biostimulator
เทคนิคการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรงและกระชับขึ้น ช่วยลดรูขุมขนกว้างในบริเวณที่มัน และเพิ่มความยืดหยุ่นในบริเวณที่แห้ง เหมาะสำหรับผิวผสมที่เริ่มมีริ้วรอยและต้องการความยืดหยุ่น
- Thermage
หัตถการที่ใช้คลื่นวิทยุส่งความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว กระตุ้นคอลลาเจนและกระชับรูขุมขน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาหลักของผิวผสมได้ครบถ้วน ทั้งการควบคุมความมันบริเวณ T-Zone ลดรูขุมขนกว้าง และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวที่หย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผิวผสมที่มีปัญหารูขุมขนกว้างและต้องการกระชับผิว
- Hifu
เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงที่ส่งพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิว กระตุ้นให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยยกกระชับ ลดรูขุมขนกว้าง และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับผิวผสมที่มีรูขุมขนกว้างและเริ่มมีริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อย
ผิวผสม ใช้อะไรดี ? สรุปทริคการดูแลผิวผสม
ผิวผสม ใช้อะไรดี ? คำตอบคือต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่สร้างสมดุลให้ผิว ใช้คลีนเซอร์อ่อนโยน มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเบา และดูแลผิวตามโซน เช่น บริเวณ T-Zone ควรควบคุมความมัน ส่วนแก้มควรเพิ่มความชุ่มชื้น
นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำมาก ๆ ทานอาหารมีประโยชน์ และพักผ่อนเพียงพอ หากต้องการดูแลรักษาผิวผสมแบบเห็นผลรวดเร็ว การทำหัตถการกับผู้เชี่ยวชาญก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ