ผิวแห้งหรือผิวมัน
เคยสงสัยกันไหมคะว่าตัวเองมีผิวแห้งหรือผิวมันกันแน่ ? จะรู้ได้ไงว่าผิวแห้งหรือผิวมัน และทำไมเราควรรู้? นั่นเป็นเพราะการรู้ประเภทผิวของตัวเองเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก ๆ ในการดูแลผิวให้เหมาะสมค่ะ
Goodlybeauty จะพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักและเข้าใจประเภทผิวของตัวเอง แชร์วิธีดูว่าตัวเองมีผิวแห้งหรือผิวมัน พร้อมเคล็ดลับการดูแลผิวแต่ละประเภทอย่างถูกวิธีกันค่ะ
คลิกอ่านหัวข้อ ผิวแห้งหรือผิวมัน
จะรู้ได้ไงว่าผิวแห้งหรือผิวมัน ? ตรวจเช็กง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
การรู้ว่าตัวเองมีประเภทผิวแบบไหนเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์และวิธีการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม หลายคนอาจกำลังมองหาวิธีเช็กว่าผิวแห้งหรือผิวมัน ซึ่งมีหลายวิธีที่ทำได้ง่าย ๆ ลองมาดูกันว่าผิวแห้งกับผิวมันมีลักษณะอย่างไรบ้าง
ลักษณะของผิวแห้ง
ผิวแห้งมักจะมีลักษณะและอาการที่สังเกตได้ชัดเจน ดังนี้

- ผิวตึงหลังล้างหน้า : รู้สึกตึงหรือแห้งตึงหลังล้างหน้าเสมอ แม้จะใช้คลีนเซอร์ชนิดอ่อนโยน
- ผิวขาดความชุ่มชื้น : ผิวมีลักษณะหยาบกร้าน แห้งลอก ขาดความเรียบเนียน
- รูขุมขนเล็ก : รูขุมขนมองเห็นได้ยากหรือเล็กมาก
- เกิดริ้วรอยง่าย : ผิวที่แห้งมักเกิดริ้วรอยได้ง่ายและเร็วกว่าผิวประเภทอื่น
- ความยืดหยุ่นต่ำ : ผิวอาจดูไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
- แดงและระคายเคืองง่าย : ผิวแห้งมักบอบบางและอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้นได้ง่าย
ลักษณะของผิวมัน
ผิวมันมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากผิวแห้งอย่างชัดเจน

- ผิวมันวาวตลอดวัน : ผิวหน้ามันวาวตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง)
- รูขุมขนกว้าง : รูขุมขนเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณแก้มและจมูก
- เกิดสิวง่าย : มีแนวโน้มเกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือหัวดำได้ง่าย
- แต่งหน้าหลุดง่าย : เครื่องสำอางมักไม่ติดทนนาน เนื่องจากความมันที่ผลิตออกมา
- ผิวหนาและแข็งแรง : ผิวมักมีความหนาและทนทานกว่าผิวแห้ง
- เงาวาวแม้เพิ่งล้างหน้า : แม้เพิ่งล้างหน้าเสร็จไม่นาน ความมันก็กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
เช็กประเภทผิวตัวเองง่าย ๆ ทำได้เองที่บ้าน
หลายคนสงสัยว่าจะรู้ได้ไง ว่าผิวแห้งหรือผิวมัน โดยไม่ต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญ วิธีง่าย ๆ ในการเช็กประเภทผิวของคุณทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านดังนี้ค่ะ
- ล้างหน้าให้สะอาดด้วยคลีนเซอร์อ่อนโยนที่คุณใช้เป็นประจำ จากนั้นซับหน้าให้แห้งเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนู
- ไม่ทาโทนเนอร์ เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้นหลังล้างหน้า เพื่อให้เห็นสภาพผิวที่แท้จริง
- รอให้ผิวคืนสภาพตามธรรมชาติ อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงในอุณหภูมิห้องปกติ (ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป) ช่วงเวลานี้ผิวหน้าจะค่อย ๆ ได้กลับสู่สภาพปกติ
- ก่อนใช้กระดาษซับมัน ให้สังเกตความรู้สึกของผิว หากรู้สึกตึงแห้ง นี่อาจเป็นสัญญาณของผิวแห้ง
- นำกระดาษซับมันหรือทิชชู่แตะเบา ๆ ที่บริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก จมูก แก้ม และคาง โดยกดเบา ๆ ประมาณ 5-10 วินาทีในแต่ละจุด ไม่ต้องถูหรือเช็ด เพียงแค่กดเบา ๆ ก็พอ
- ยกกระดาษขึ้นส่องกับแสงไฟ หรือแสงธรรมชาติเพื่อดูผลลัพธ์
- ผิวมัน : กระดาษจะมีคราบน้ำมันชัดเจน โปร่งแสง ในทุกบริเวณที่ทดสอบ
- ผิวผสม : พบคราบน้ำมันชัดเจนในบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง) แต่บริเวณแก้มจะมีน้อยหรือแทบไม่มีเลย
- ผิวแห้ง : แทบไม่พบคราบน้ำมันบนกระดาษในทุกบริเวณ หรือมีเพียงเล็กน้อยมากที่จมูก
เคล็ดลับดูแลผิวแห้งให้ชุ่มชื่นตลอดวัน
การดูแลผิวแห้งอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวกลับมาชุ่มชื่น แข็งแรง และมีสุขภาพดี
การดูแลสภาพผิวแห้ง
- เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น : ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Ceramides, Glycerin หรือ Shea Butter จะช่วยเติมความชุ่มชื้นได้ดี
- ใช้เซรั่มก่อนทามอยส์เจอไรเซอร์ : เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินบี, ไฮยาลูโรนิค แอซิด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุง
- ทาครีมบำรุงขณะผิวยังชื้น : หลังล้างหน้าให้ทาผลิตภัณฑ์บำรุงทันทีขณะที่ผิวยังชื้นอยู่
- ใช้ Face Oil : น้ำมันบำรุงผิวจะช่วยเคลือบและล็อกความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแห้งมาก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การบำรุงจากภายในด้วยการดื่มน้ำมากพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
- ใช้มาส์กบำรุงผิว : แนะนำให้ใช้ Sheet Mask หรือ Sleeping Mask 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
- ใช้คลีนเซอร์ชนิดครีมหรือน้ำนม : ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารให้ความชุ่มชื้นจะช่วยทำความสะอาดโดยไม่ทำร้ายผิว
- หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน : ใช้น้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำอุ่นอ่อน ๆ เพื่อไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากเกินไป
- ลดความถี่ในการล้างหน้า : สำหรับผิวแห้งมาก แนะนำให้ล้างหน้าวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
- ซับหน้าเบา ๆ : ไม่ควรถูหรือเช็ดแรง ๆ ให้ซับเบา ๆ เพื่อให้ความชุ่มชื้นบางส่วนยังคงอยู่บนผิว
หัตถการที่ช่วยดูแลสภาพผิวแห้ง
นอกจากการดูแลประจำวันแล้ว การทำหัตถการที่คลินิกความงามก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว (Filler Skin Booster) : เป็นการฉีดไฮยาลูโรนิคแอซิด (HA) ที่มีโมเลกุลละเอียดเข้าไปใต้ผิว ช่วยให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นจากภายใน ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว กระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับผิวแห้งที่ขาดน้ำ หรือผิวหมองคล้ำที่ต้องการการฟื้นฟู โดยยี่ห้อยอดนิยม ได้แก่ Belotero Revive, Juvederm Volite (Skinvive) และ Restylane Vital Light

- กลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) : เป็นการฉีดสารที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ช่วยฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์ ปรับโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแห้งที่เริ่มมีริ้วรอยหรือต้องการฟื้นฟูความยืดหยุ่น ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมคือ Sculptra, Radiesse, JuveLook, Neauvia, Ultracol, Harmonyca และ Gouri
เคล็ดลับจัดการผิวมันให้อยู่หมัด ไม่มันวาว
การดูแลผิวมันต้องเน้นการควบคุมความมันโดยไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป เพื่อป้องกันภาวะผิวขาดน้ำที่ทำให้ผิวหน้าผลิตน้ำมันมากขึ้น
การดูแลสภาพผิวมัน
- เลือกคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน : ควรเลือกคลีนเซอร์ที่มีฤทธิ์ช่วยควบคุมความมัน เช่น มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก หรือชาเขียว แต่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงเกินไป
- ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง : เช้าและเย็นเพียงพอ ไม่ควรล้างมากเกินไปจนผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น
- ใช้โทนเนอร์ : โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ BHA หรือ Witch Hazel จะช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน
- ใช้กระดาษซับมัน : พกกระดาษซับมันติดตัวเพื่อซับความมันระหว่างวัน
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบเจลหรือโลชั่นเบาบาง : เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Oil-Free” หรือ “Non-Comedogenic” เพราะผิวมันยังต้องการความชุ่มชื้น
- ใช้มาส์กโคลน : Clay Mask หรือมาส์กโคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ Retinol : AHA, BHA หรือ Retinol จะช่วยการผลัดเซลล์ผิวและควบคุมความมัน
- ทาครีมกันแดดเนื้อบางเบา : เลือกครีมกันแดดสูตร Oil-Free ที่มีเนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า เพื่อป้องกันผิวอุดตัน
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ครีมกันแดดทาหน้า ยี่ห้อไหนดีที่สุด ? กันน้ำกันเหงื่อ พร้อมสู้แดดจัดแบบไร้กังวล
หัตถการที่ช่วยดูแลสภาพผิวมัน
หัตถการความงามสามารถช่วยควบคุมความมัน และปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ ซึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยม ได้แก่

- เมโสหน้าใส (Mesotherapy) : เป็นการฉีดวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ผิวโดยตรง ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวจากภายใน แก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำ รอยดำจากสิว ลดสิวอุดตัน และลดความมันส่วนเกิน ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เหมาะสำหรับผิวมันที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย หรือผิวหมองคล้ำที่ต้องการความกระจ่างใส ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ชัดหลังทำ 2-3 ครั้ง และยิ่งทำต่อเนื่องผิวจะยิ่งดีขึ้นค่ะ

- โบท็อก (Botox) : นอกจากช่วยลดเลือนริ้วรอยแล้ว การฉีดโบท็อกแบบ Micro-Botox ยังช่วยลดขนาดของต่อมไขมัน ทำให้หน้ามันน้อยลง รูขุมขนกระชับ และลดโอกาสการเกิดสิว เหมาะสำหรับผิวมันที่มีรูขุมขนกว้างและต้องการควบคุมความมันบนใบหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคล
เคล็ดลับการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับประเภทผิว
การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้เหมาะกับประเภทผิว จะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีและแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุด มาดูกันค่ะ ว่าแต่ละสภาพผิวควรมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
สำหรับผิวแห้ง ต้องการการเติมเต็มความชุ่มชื้นเป็นหลัก ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังนี้
- ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น : ไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid), กลีเซอรีน (Glycerin), เซราไมด์ (Ceramides), สควาเลน (Squalane)
- น้ำมันธรรมชาติ : เชียบัตเตอร์ (Shea Butter), โจโจบาออยล์ (Jojoba Oil), อาร์แกนออยล์ (Argan Oil)
- วิตามิน : วิตามินอี (Vitamin E), ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) ที่ความเข้มข้นไม่สูงมาก
- เนื้อผลิตภัณฑ์ : ควรเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เข้มข้น ครีมเนื้อหนา หรือบาล์ม
- สารที่ควรหลีกเลี่ยง : แอลกอฮอล์, น้ำหอมเข้มข้น, กรดประเภท AHA/BHA ความเข้มข้นสูง
สกินแคร์สำหรับผิวแห้ง ต้องเน้นการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ไม่ชำระล้างน้ำมันตามธรรมชาติออกมากเกินไป และเน้นบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่เติมเต็มความชุ่มชื้นและสร้างชั้นป้องกันการสูญเสียน้ำ
สำหรับผิวมัน ต้องการการควบคุมความมัน แต่ยังต้องคงความชุ่มชื้นที่สมดุล ควรมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมดังนี้
- ส่วนผสมที่ควบคุมความมัน : ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide), ซิงค์ (Zinc)
- กรดผลัดเซลล์ผิว : กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid/BHA), กรด AHA ในความเข้มข้นเหมาะสม
- สารต้านอนุมูลอิสระ : วิตามินซี (Vitamin C), วิตามินอี (Vitamin E), ชาเขียว (Green Tea)
- ให้ความชุ่มชื้นแบบน้ำหนักเบา : ไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid), กลีเซอรีนเบาบาง (Light Glycerin)
- เนื้อผลิตภัณฑ์ : ควรเลือกเนื้อบางเบา เช่น เจล, โลชั่น, เซรั่มเนื้อน้ำ
- คุณสมบัติที่ควรมองหา : ระบุ Oil-Free, Non-Comedogenic, Mattifying
สกินแคร์สำหรับผิวมัน ควรเน้นการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพแต่ไม่แรงเกินไป ใช้โทนเนอร์กระชับรูขุมขน และบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อเบาบางที่ไม่อุดตันรูขุมขน
สรุปผิวแห้งหรือผิวมัน ดูแลอย่างไรให้เหมาะ ?
การเช็กว่าผิวแห้งหรือผิวมัน เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลผิวให้สวยสุขภาพดี เมื่อรู้ประเภทผิวของตัวเองแล้ว การเลือกสกินแคร์และวิธีดูแลก็จะตรงจุดมากขึ้น หรือหากต้องการฟื้นฟูสมดุลผิวให้เห็นผลเร็วขึ้น การเลือกทำหัตถการด้านความงามที่เหมาะกับสภาพผิวก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ