ฟิลเลอร์ไหล
ฟิลเลอร์ไหล เป็นผลข้างเคียงที่หลายคนอาจกังวลจากการฉีด Filler เพราะถ้าหากเกิดปัญหานี้ขึ้นมาก็อาจส่งผลให้ใบหน้าเสียรูปได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สลายได้ตามธรรมชาติ
ในบทความนี้ Goodlybeauty จะพาคุณไปรู้จักกับปัญหาฟิลเลอร์ไหล ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ? เกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ? ต่างจากฟิลเลอร์เป็นก้อนไหม ? เกิดขึ้นบ่อยในบริเวณไหนบ้าง ? อันตรายมาก-น้อยแค่ไหน ? พร้อมแนะแนววิธีแก้ไขและแนวทางป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหล
คลิกอ่านหัวข้อ ฟิลเลอร์ไหล
อาการฟิลเลอร์ไหล มีลักษณะเป็นอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ไหล เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเมื่อ Filler เคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งที่ฉีด ส่งผลให้เกิดความผิดปกติ คือ
- ผิวหนังบริเวณที่ได้รับการฉีดเกิดการปูดบวมหรือผิดรูปไปจากเดิม
- บางครั้งอาจสังเกตเห็นการรวมตัวของฟิลเลอร์เป็นก้อนในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งทำให้ใบหน้าขาดความสมส่วน หรือมีรูปทรงที่ผิดไปจากธรรมชาติ
- ในกรณีที่รุนแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การบวมแดง อักเสบ หรือติดเชื้อ ซึ่งต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วน
อาการเหล่านี้อาจไม่ปรากฏทันทีหลังการฉีด โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะแสดงอาการ เนื่องจากสารเหล่านี้ไม่สามารถสลายตัวตามธรรมชาติได้
ดังนั้น ผู้ที่เคยรับการฉีดฟิลเลอร์ควรสังเกตอาการผิดปกติอย่างต่อเนื่อง และปรึกษาแพทย์ทันทีหากพบความผิดปกติใด ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย เกิดจากอะไร ?
ปัญหาฟิลเลอร์ไหลหรือย้อย มีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
1. ฟิลเลอร์ไหลจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
หนึ่งในสาเหตุหลักของฟิลเลอร์ไหล คือ การใช้ฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลวหรือพาราฟิน ซึ่งถูกโฆษณาว่าสามารถให้ผลลัพธ์ที่คงทนถาวรโดยไม่ต้องฉีดซ้ำ
แต่ในความจริง ฟิลเลอร์ปลอมเหล่านี้ไม่สลายตามธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปจึงเกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหลหรือย้อย เช่น ฉีดใต้ตาแล้วไหลลงมามองเห็นเป็นถุงใต้ตา หรือฉีดคางแล้วฟิลเลอร์มากองรวมจนคางดูผิดรูป

2.ฟิลเลอร์ไหลจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ลักลอบนำเข้า (ฟิลเลอร์หิ้ว)
ฟิลเลอร์หิ้ว คือ ฟิลเลอร์ที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่มีการควบคุมมาตรฐาน เช่น การเก็บรักษาไม่ถูกต้อง อุณหภูมิไม่เหมาะสม ทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมคุณภาพ ฉีดแล้วไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง ฟิลเลอร์อาจไหลมารวมกันเป็นก้อน หรือส่งผลให้ใบหน้าบวมผิดรูปได้
3. ฟิลเลอร์ไหลจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย.
ฟิลเลอร์บางยี่ห้อที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) อาจเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้คุณภาพ หากใช้ฟิลเลอร์เหล่านี้ อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหล บวมเป็นก้อนแข็ง หรืออักเสบติดเชื้อได้ โดยเราควรตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อความปลอดภัย
อย่างในปี 2024 ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับความนิยม และผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ได้แก่ Juvederm, Restylane, Belotero, Definisse, Teoxane, Flore และ Neuramis
ทั้งนี้ควรอัปเดตข้อมูลรุ่นที่ผ่านการรับรองเสมอ และควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
4. ฟิลเลอร์ไหลจากการฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์

แม้จะใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เป็นสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
แต่หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ขาดความชำนาญในการฉีด หรือใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น การฉีดในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม หรือใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่ไม่เหมาะกับบริเวณนั้น ก็อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลหรือลดผลลัพธ์ที่ต้องการได้เช่นกัน
ฟิลเลอร์ไหล VS ฟิลเลอร์เป็นก้อน เกิดจากสาเหตุเดียวกันไหม ?
ฟิลเลอร์ไหล และ ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นอาการข้างเคียงที่ไม่ควรเกิดขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งสองปัญหาเกิดจากสาเหตุเดียวกันได้ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือการฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์
ฟิลเลอร์เป็นก้อนมักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป จนฟิลเลอร์สะสมและก่อตัวเป็นก้อน เมื่อเวลาผ่านไป ก้อนฟิลเลอร์อาจเคลื่อนที่หรือไหลย้อย ทำให้ใบหน้าเสียรูปทรง สรุปได้ว่าฟิลเลอร์ไหลและฟิลเลอร์เป็นก้อน มีสาเหตุที่คล้ายคลึงกัน และมักเกิดขึ้นพร้อมกันในบางกรณี
ฉีด Filler บริเวณไหนมีโอกาสเกิดฟิลเลอร์ไหลได้ ?

ฟิลเลอร์ไหลสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายบริเวณของใบหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวมาก หรือมีโครงสร้างผิวที่บางเป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดฟิลเลอร์ไหล
- ฟิลเลอร์หน้าผาก : หน้าผากเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน หรือฟิลเลอร์ไหลย้อยจนเห็นเป็นก้อนนูนคล้ายหัวปลาทอง
- ฟิลเลอร์ใต้ตา : ฟิลเลอร์ใต้ตาอาจก่อตัวเป็นก้อน ทำให้ใต้ตาบวม หรือฟิลเลอร์ไหลย้อยจนเห็นเป็นถุงใต้ตา
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ฟิลเลอร์ไหลมากองบริเวณเหนือร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูบวมอูมผิดธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์จมูก : จมูกเสียทรง ฟิลเลอร์ไหลย้อย หรือมีอาการอักเสบติดเชื้อ
- ฟิลเลอร์ปาก : ปากอวบอิ่มเกินไป ปากเจ่อเหมือนปากเป็ด หรือฟิลเลอร์ไหลย้อยจนปากผิดรูป
- ฟิลเลอร์คาง : คางยาวเกินไป คางแหลมดูไม่ธรรมชาติ หรือฟิลเลอร์ไหลลงทำให้คางดูย้อย
ฟิลเลอร์ไหล หลังฉีดไปแล้ว อันตรายหรือไม่ ?
ฟิลเลอร์ไหลหลังฉีดอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะหากเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาการเช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง ไหลย้อย หรือใบหน้าผิดรูป อาจนำไปสู่การอักเสบ บวมแดง หรือการติดเชื้อ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ เช่น เนื้อตาย หรือผิวหนังผิดรูปถาวร
ดังนั้น หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและแก้ไขทันที

วิธีป้องกัน ลดความเสี่ยง ปัญหาฟิลเลอร์ไหลหลังฉีด
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์สูง
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic Acid (HA) ที่สลายได้ตามธรรมชาติ
- ตรวจสอบฟิลเลอร์ก่อนฉีดให้มั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังฉีด เพื่อลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
- หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์กับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์
- ห้ามซื้อฟิลเลอร์จากอินเทอร์เน็ตมาฉีดเอง

ฟิลเลอร์ไหล ต้องแก้ไขอย่างไร ?
การแก้ไขฟิลเลอร์ไหลแบ่งเป็น 2 กรณี ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่เคยฉีดมาก่อนหน้านี้
- กรณีฉีดฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid – HA)
หากเป็นฟิลเลอร์แท้ สามารถแก้ไขได้ง่ายโดยการฉีด Hyaluronidase ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยสลายฟิลเลอร์ HA ทำให้ผิวกลับมาเรียบเสมอกันโดยไม่มีผลข้างเคียง หลังฉีดสลาย ฟิลเลอร์จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกายภายในไม่กี่วัน

สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วย Hyaluronidase
- กรณีฉีดฟิลเลอร์ปลอม (เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน)
ฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายได้ด้วยการฉีดสาร Hyaluronidase จึงต้องใช้วิธี ขูดฟิลเลอร์ หรือ ผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก
โดยเฉพาะในกรณีที่ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็งหรือเกิดพังผืด การผ่าตัดนี้อาจซับซ้อนและไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้หมด 100% เพราะต้องระวังเรื่องเส้นประสาทและเส้นเลือดในบริเวณนั้น จึงควรเข้ารับการรักษาโดยศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญสูง

สรุปเรื่องฟิลเลอร์ไหล ย้อยหลังฉีด
ฟิลเลอร์ไหล ย้อย เป็นภาวะที่สารเติมเต็มเคลื่อนตัวจากตำแหน่งฉีดเดิม ทำให้ใบหน้าผิดรูป บวม หรือเกิดก้อนใต้ผิวหนัง สาเหตุหลักมักเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือการฉีดโดยผู้ขาดประสบการณ์
การป้องกันทำได้โดยเลือกคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic Acid และปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากเกิดปัญหา การแก้ไขขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ โดยฟิลเลอร์แท้สามารถสลายได้ด้วยการฉีด Hyaluronidase แต่หากเป็นฟิลเลอร์ปลอม อาจจำเป็นต้องขูดหรือผ่าตัดเพื่อแก้ไข