
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นเทรนด์ความงามที่มาแรงสุด ๆ เพราะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์ และเพิ่มความมั่นใจ ไม่ว่าจะอยากปรับทรงปากให้ดูกระจับเป็นธรรมชาติ หรือปากอวบอิ่มแบบสายฝอ ก็สามารถปรับแต่งได้ตามที่ต้องการ แถมยังแก้ปัญหาปากไม่ได้สัดส่วน หรือปากบางได้อีกด้วยค่ะ
ในบทความนี้ Goodlybeauty จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Filler ปาก ว่าช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ? ฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม ? ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ใช้กี่ CC เห็นผล ? ราคาเท่าไหร่ ? พร้อมแนะนำรูปทรงปากยอดนิยมที่เหมาะกับสาวไทย บอกเลยว่าครบจบในที่เดียวค่ะ!
สารบัญ ฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ปาก คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิดเข้าไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อปรับแก้รูปทรงริมฝีปาก หรือเพิ่มเนื้อริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มมากขึ้นค่ะ นิยมฉีดเพื่อแก้ปัญหาริมฝีปากบาง ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากแห้ง ปากตกร่อง หรือปรับทรงปากตามเทรนด์ อย่าง ฉีดปากกระจับ ปากเกาหลี หรือปากสายฝอ
ฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
ขอตอบว่า ฟิลเลอร์ปากไม่อันตรายค่ะ!
เพราะเนื้อเยื่อบริเวณริมฝีปากจะมีเส้นเลือดฝอยจำนวนมากมาเลี้ยงจากทุกทิศทุกทาง และมีเส้นเลือดหลักแค่เพียงเส้นเดียว ซึ่งอยู่ในชั้นลึก ความเสี่ยงที่จะฉีดฟิลเลอร์พลาดและอุดตันเส้นเลือดจึงมีโอกาสน้อยลงตามไปด้วยค่ะ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะฉีดฟิลเลอร์ปากกับหมอคนไหนก็ได้นะคะ ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเลือกหมอที่มีประสบการณ์เหมือนการฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งอื่น ๆ เพื่อให้ได้รูปทรงปากที่สวยถูกใจ และไม่ต้องตามแก้ทีหลัง
ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากก็ยังมีข้อควรระวัง คือ ถ้าสาว ๆ คนไหนที่เคยผ่าตัดริมฝีปากมาแล้ว แต่อยากฉีดฟิลเลอร์ปากเพิ่ม ก่อนฉีดจำเป็นต้องแจ้งกับคุณหมอทุกครั้งค่ะ เพื่อที่คุณหมอจะได้เพิ่มความระมัดระวังในการฉีด เพราะอาจมีพังผืดไปบังเส้นเลือดบางส่วน และเพิ่มความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดมากกว่าเคสทั่วไปค่ะ
ฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะฉีดเพื่อปรับทรงปากกระจับ ฉีดปากอวบอิ่มแบบสายฝอ หรือฉีดปากให้ดูน่าจุ๊บแบบพี่สาวเกาหลีแล้ว ฟิลเลอร์ปากยังสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น
- ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น เช่น ปัญหาปากแห้ง แตก หรือลอกเป็นแผ่น สาว ๆ ที่ชอบรูปทรงริมฝีปากเดิมของตัวเองอยู่แล้ว แต่มีปัญหาทาลิปแล้วตกร่อง สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และเติมเนื้อให้ปากดูเรียบเนียนขึ้นได้
- ปากขาดความสมดุล เช่น เนื้อปากบน-ล่าง หรือซ้าย-ขวาไม่เท่ากัน ปากดูเบี้ยว ทำให้ใบหน้าโดยรวมขาดความสมมาตรตามไปด้วย เพราะริมฝีปากเป็นอีกจุดเด่นบนใบหน้า
- ปากไม่เป็นทรง เช่น ขาดส่วนเว้าของปาก รูปปากเป็นเส้นตรง หรือขอบปากไม่ชัด สาว ๆ สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเติมขอบปากให้ชัดและเป็นทรงขึ้นได้
- ปากคว่ำ หรือมุมปากตก การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากขึ้น จะช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใส และดูเด็กลง
- ปากหนา สาว ๆ ที่มีปัญหาปากบน-ล่างหนา หรือปากดูใหญ่ไป อาจจะเข้าใจว่าจำเป็นต้องผ่าตัดศัลยกรรมปากเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ใช่ค่ะ! ฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เช่นกัน โดยอาจฉีดเน้นขอบปากให้ชัดขึ้น ฉีดเพิ่มกระจับให้ดูหวานขึ้น หรือฉีดยกมุมปาก เพื่อปรับให้ปากดูสมดุลและรับกับเครื่องหน้าอื่น ๆ ได้
- ปากมีริ้วรอย เช่น ริ้วรอยที่เนื้อปากและขอบปาก เนื้อปากเหี่ยวย่น ส่งผลให้หน้าดูมีอายุ หรือโหงวเฮ้งไม่ดี การฉีดฟิลเลอร์เติมเนื้อให้ดูเรียบเนียน ปากเป็นทรงสวยมากขึ้น
- ปากบาง จากพันธุกรรม หรือจากการสูญเสียคอลลาเจน เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ถือเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำศัลยกรรม สาว ๆ จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ปากค่ะ โดยจะช่วยเพิ่มเนื้อปาก ปรับปากบาง ๆ ให้ดูอวบอิ่มทันทีหลังฉีด
8 ทรงปากยอดนิยม เหมาะกับคนไทย

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปาก สาว ๆ ควรหาเรฟรูปทรงปากที่อยากได้ค่ะ เพื่อเป็นตัวอย่างอ้างอิงที่จะช่วยให้คุณหมอเห็นความคาดหวังชัดเจนขึ้น และยังช่วยในการประเมินอีกด้วย เหมือนกับเวลาที่เราสร้างบ้าน ถ้าเรามีเรฟและบรีฟชัดเจน สถาปิกก็จะสามารถออกแบบบ้านให้ตรงใจ และไม่ต้องแก้แบบบ่อย ๆ
สำหรับสาว ๆ ที่มีทรงริมฝีปากที่ชอบในใจ แต่ยังไม่รู้จักชื่อเรียก เรามาส่องทรงริมฝีปากยอดฮิตที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับแก้ได้กันค่ะ
- รูปทรงปากธรรมชาติ คือ ทรงที่ริมฝีปากบนบางกว่าข้างล่างในสัดส่วนที่พอดีค่ะ เหมาะกับสาว ๆ ที่ปากเดิมมีความบาง เนื้อน้อย และอยากเพิ่มความหนาให้ปากดูอวบอิ่มน่าจุ๊บขึ้น แต่ไม่ได้อยากได้ปากเจ่อ ๆ เซ็กซี่แบบตัวแม่สายฝอ
- รูปทรงปากกระจับ หรือทรงปีกนก คือ ริมฝีปากบนบางกว่า แต่มีความโค้งคล้ายกับผลกระจับ หรือเวลาขยับยิ้ม มุมปากแหลมจะยกขึ้นคล้ายกับนกกางปีกโบยบิน ถือเป็นรูปปากที่เหมาะกับสาวชาวไทยเป็นอย่างมาก ช่วยทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้น
- รูปทรงปากอวบอิ่ม หรือทรง Full Lips คือ ปากเต็มแบบสายฝอ ริมฝีปากบนและล่างจะมีความหนาเท่ากันด้วยอัตราส่วน 1:1 ค่ะ การฉีดฟิลเลอร์เติมจะทำให้ปากดูโดดเด่นมาก จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่โครงหน้าชัด ๆ เช่น หน้าคม ตาโต จมูกโด่ง และคางยาว เลยอาจเป็นทรงที่ไม่ค่อยเข้าสาวเอเชียเท่าไหร่ค่ะ
- รูปทรงปากเชอร์รี หรือทรงปากแบบเกาหลี คือ ทรงที่คล้ายกับปากทรงกระจับ แต่จะนิยมเติมฟิลเลอร์ให้ริมฝีปากมีความอวบอิ่ม และมีเนื้อกลม ๆ ที่ริมฝีปากล่าง 2 ลูกคล้ายผลเชอร์รี ถือเป็นการปรับทรงปากแบบสายฝอ ให้มีความละมุน และอ่อนหวานมากขึ้น จึงเหมาะกับสาวไทยที่อยากเพิ่มความน่าจุ๊บให้กับริมฝีปากค่ะ
- รูปทรง Wide Lips คือ ทรงปากที่จะมีความกว้างกว่าทรงอื่น ๆ โดยเนื้อปากบนล่างจะอวบอิ่มสมดุลกัน เหมาะกับสาว ๆ ที่มีทรงปากแคบ ไม่มีมุมปาก ขอบปากเบลอ ไม่มั่นใจเวลายิ้ม โดยคุณหมอจะฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากให้ และสร้างขอบปาก ช่วยขยายปากให้ดูยาวขึ้น และยิ้มได้สวยขึ้น
- รูปทรงปาก Heavy Upper Lips คือ ทรงที่ริมฝีปากบนดูหนา และอวบอิ่มกว่าด้านล่าง แต่ก็รับกันได้อย่างลงตัว เหมาะกับสาว ๆ ที่หน้าคม หรือชอบแต่งหน้าคม ๆ ดูเฉี่ยว เซ็กซี่แบบสายฝอ ยิ่งฉีดฟิลเลอร์เติมความอวบอิ่มให้ริมฝีปากบน ก็จะช่วยเพิ่มเสน่ห์เวลาพูดหรือยิ้มได้ค่ะ
- รูปทรงปาก Heavy Lower Lips ถือเป็นอีกทรงปากสายฝอที่ฮิตมากในสาว ๆ อเมริกา โดยจุดเด่นคือริมฝีปากล่างจะอิ่มมาก และดูหนากว่าด้านบน รวมถึงมีขอบปากที่ชัด สาว ๆ ที่อยากได้รูปปากเซ็กซี่ และเจ่อไม่มาก เหมือนเป็นนิวยอร์กเกอร์แต่กำเนิดแนะนำทรงนี้เลยค่ะ
- รูปทรงปาก Cupid’s Bow คือ รูปทรงปากที่คล้ายกับคันธนูของคิวปิด หรือรูปหัวใจ โดยริมฝีปากบนจะพอมีกระจับดูคล้ายตัว M และริมฝีปากล่างอิ่มมีเนื้อนูนทั้ง 2 ฝั่ง ที่รับกับริมฝีปากบนได้อย่างพอดิบพอดี เป็นทรงริมฝีปากที่ดูน่ารัก แต่ก็แอบเผ็ด เหมาะกับสาว ๆ ที่อยากได้ลุคขี้เล่น และไม่เซ็กซี่แบบตะโกนค่ะ
จะเห็นได้ว่า สาว ๆ ไทยจะเหมาะกับรูปทรงปากกระจับ หรือทรงปากแบบพี่สาวเกาหลี ที่เป็นชาวเอเชียเหมือนกันมากกว่าทรงปากแบบสายฝอค่ะ เพราะโครงหน้าของไทยเราอาจจะไม่ชัดเท่าชาวตะวันตก แต่ยังไงการเลือกรูปทรงปากก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วยค่ะ ดังนั้นก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปากควรปรึกษากับคุณหมอที่มีประสบการณ์ เพื่อที่จะได้รับคำแนะนำที่ดี ได้ปากที่ตรงเรฟ และรับกับใบหน้าแบบองค์รวม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้ยี่ห้อไหน / รุ่นไหนดี ?
สำหรับการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ปาก จะต้องเลือกฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงค่ะ เพราะปากเป็นส่วนที่ขยับบ่อย ถ้าใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่น ปากจะดูแข็งเป็นก้อนและไม่สวยงาม คุณหมอเลยแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ปากดังนี้ค่ะ
- Juvederm Ultra Plus เนื้อนิ่ม ฟูมาก เหมาะกับลุคอวบอิ่มแบบฝรั่ง (อยู่ได้นาน 12 เดือน)
- Juvederm Voluma เนื้อทน ฟูปานกลาง เหมาะกับลุคอวบอิ่มและอยู่ได้นาน (18 เดือน)
- Juvederm Volift เนื้อนิ่ม ละเอียด ยืดหยุ่นสูง เหมาะฉีดร่องมุมปากที่ไม่ลึกมาก (12 เดือน)
- Juvederm Volite เนื้อฉ่ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ปากชุ่มชื้นอวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย (8-12 เดือน)
- Restylane Vital Light เนื้อฉ่ำ ชุ่มชื้น เหมาะสำหรับแก้ปัญหาปากแห้ง (6-12 เดือน)
- Restylane Volyme เนื้อนิ่มปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำ เหมาะฉีดมุมปาก (18 เดือน)
- Restylane Refyne เนื้อละเอียด ยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับลุคอวบอิ่มธรรมชาติ (12 เดือน)
- Restylane Kysse เนื้อละเอียด มีความคงตัว สร้างขอบปากคมชัด สำหรับฉีดปากโดยเฉพาะ (12 เดือน)
- Belotero Volume เนื้อนิ่ม อยู่ทรง เพิ่มวอลลุ่ม เหมาะกับทรงปากสายฝอ (12-18 เดือน)
- Belotero Revive เนื้อฉ่ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก (6 เดือน)
- Definisse Touch เนื้อนิ่ม ช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง เพิ่มวอลลุ่ม ดูธรรมชาติ (8-12 เดือน)
- Teoxane RHA2 เนื้อละเอียด ค่อนข้างยืดหยุ่น ทนแรงขยับได้ดี ดูอวบอิ่มธรรมชาติ (18 เดือน)
- Teoxane RHA3 เนื้อนิ่ม แต่ค่อนข้างแน่น ทนต่อแรงขยับ ช่วยสร้างขอบปากคมชัด (12-18 เดือน)
เติมฟิลเลอร์ปาก ราคาเท่าไหร่ ?
ราคาฉีดฟิลเลอร์ปากส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 14,900-16,000 บาท/1 CC ค่ะ ทั้งนี้ราคาฉีดปาก 1 CC จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือก ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ทรงปากที่ต้องการ หรือแม้แต่เทคนิคการฉีดของคุณหมอเอง
แต่ละคลินิกก็อาจจะมีโปรโมชันหรือแพ็กเกจราคาที่แตกต่างกันไปด้วยนะคะ ถ้าสนใจฉีดฟิลเลอร์ปาก แนะนำให้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคลินิกที่เล็งไว้ จะได้รู้ราคาชัดเจนและเหมาะกับทรงปากที่เราต้องการที่สุดค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ CC เห็นผล ?
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 CC ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าสาว ๆ อยากได้ปากสายฝอหรือเพิ่มเนื้อปากเยอะ ๆ ก็อาจจะใช้ 2 CC แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทรงปากเดิม และการประเมินของคุณหมอนะคะ
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปากแก้ปัญหาปากแห้ง ปรับแต่งทรงปาก

แก้ปัญหาปากไม่สมส่วน ปรับแต่งปากกระจับให้ดูสมดุล สวยงาม
(ขอบคุณรูปภาพจาก V square Clinic)

แก้ปัญหาปากแห้ง ปากบาง เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก
(ขอบคุณรูปภาพจาก V square Clinic)

แก้ปัญหาปากแห้ง แตกเป็นร่อง พร้อมปรับแต่งทรงปากให้อวบอิ่มสไตล์สายฝอ
(ขอบคุณรูปภาพจาก V square Clinic)
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดปาก
ถ้าอยากฉีดปากสวย ๆ การเตรียมตัวให้พร้อมถือว่าสำคัญมากเลยค่ะ เพราะจะช่วยให้ได้ทรงปากสวย อยู่ได้นาน และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น มาดูสิ่งที่ต้องทำกันเลย
- หาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก และเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้
- ศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้ และลองเช็กรีวิวจากคนที่เคยใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ
- งดใช้ยาทาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และหลีกเลี่ยงการแว็กขนรอบบริเวณปากก่อนฉีด
- หยุดกินยาแอสไพริน หรือยากลุ่ม NSAIDs อย่าง ibuprofen, diclofenac, ponstan อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดวิตามินหรือสมุนไพรบางอย่าง เช่น St. John’s Wort, Ginkgo Biloba, Primrose oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E ก่อนฉีดปาก 1 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกายหนัก เข้าซาวน่า
- ถ้ามีโรคประจำตัวหรือกินยาประจำอยู่ อย่าลืมเตรียมข้อมูลไว้แจ้งคุณหมอด้วยนะคะ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก หลายคนสงสัยว่าต้องดูแลยังไงให้ปากสวยเป๊ะและฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะการดูแลตัวเองไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงทำตามข้อควรปฏิบัติเหล่านี้

- ห้ามกด บีบ นวด หรือปั้นทรงปากเอง เพราะจะทำให้ปากเสียรูปทรงได้
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มร้อน ๆ เพราะอาจทำให้ปากบวมหรืออักเสบได้ง่าย
- งดกิจกรรมที่จะทำให้ปากเสียรูปทรง เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ การใช้หลอดดูดน้ำ การจูบ
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ให้ฟิลเลอร์ฟูและอยู่ได้นานขึ้น
- ห้ามดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะทำให้ปากแห้ง และเสียความชุ่มชื้นค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ?
ตอนฉีดฟิลเลอร์ปากอาจรู้สึกเจ็บนิดหน่อย เพราะบริเวณปากค่อนข้างไวต่อความรู้สึก แต่ก็เป็นความเจ็บที่อยู่ในระดับที่สามารถทนได้ และคุณหมอจะมีการแปะยาชาให้ก่อนฉีด ฉะนั้นความเจ็บก็เบาลงมากค่ะ
ผลลัพธ์ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์ฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือนค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ และการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วยนะคะ ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมเร็ว เช่น การโดนความร้อนบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้นค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอาการบวมกี่วัน ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ส่วนใหญ่จะมีอาการบวมประมาณ 4-5 วันค่ะ จากนั้นจะค่อย ๆ ยุบบวมลง และปากจะเริ่มเข้าที่ชัดเจนในช่วง 1-2 สัปดาห์ ใครที่กังวลเรื่องบวม ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์ปากค่ะ
ฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน เกิดจากอะไร ? แก้ไขอย่างไร ?
ฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน อาจเกิดจากการเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม ใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป รวมถึงการฉีดกับหมอกระเป๋า และการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ก็เสี่ยงทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และเป็นก้อนแข็งได้
ถ้าฉีดฟิลเลอร์แท้ที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ปลอม จะต้องทำการขูดฟิลเลอร์ หรือผ่าตัดออกเท่านั้นค่ะ ดังนั้นเลือกคลินิกดี ๆ ที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยงตรงนี้ได้มากเลยค่ะ
สรุปฉีดฟิลเลอร์ปาก ปรับทรงปากสวย เพิ่มความมั่นใจ
ฟิลเลอร์ปากเป็นตัวช่วยปรับแก้ปากให้ได้ทรงที่ต้องการ เช่น ปากกระจับ ปากสายฝอ หรือปากสายเกา โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และเห็นผลลัพธ์เร็ว จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากแบบเร่งด่วน รวมถึงยังช่วยเติมร่องริมฝีปากให้ดูเรียบเนียน และเพิ่มความชุ่มชื้นอีกด้วย บอกลาปัญหาทาลิปแล้วตกร่องไปได้เลย
สำหรับสาว ๆ คนไหนที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก ควรเข้าปรึกษากับคุณหมอที่มากประสบการณ์ เพื่อให้ได้รูปทรงปากที่ถูกใจ และรับกับใบหน้าแบบองค์รวม รวมถึงควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และเช็กฟิลเลอร์ของแท้ก่อนฉีดทุกครั้ง แค่นี้ก็จะได้ปากใหม่ที่สวย เพิ่มเสน่ห์ให้ริมฝีปากทั้งเวลาพูดและยิ้มแล้วค่ะ