Physical Chemical Hybrid Sunscreen

Physical / Chemical / Hybrid Sunscreen

ประเภทของครีมกันแดด Physical Sunscreen / Chemical Sunscreen และ Hybrid Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นครีมกันแดดที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาในปัจจุบัน ซึ่งในบทความนี้ Goodlybeauty จะพาไปดูกันว่า ครีมกันแดดสามประเภทนี้คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และมีครีมกันแดดแบบไหนที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันกันบ้าง

คลิกอ่านหัวข้อ Physical / Chemical / Hybrid Sunscreen


ครีมกันแดด Physical Sunscreen คืออะไร ?

กันแดด Physical Sunscreen คือ ครีมกันแดดทาหน้าที่ใช้การสะท้อนรังสี UVA และ UVB ในแสงแดดออกไปจากใบหน้าของเราค่ะ เมื่อทาครีมกันแดดชนิดนี้ลงบนใบหน้า จะได้รับการดูดซึมเข้าไปบนผิวเพียงเล็กน้อย และครีมกันแดดจะเคลือบอยู่บนผิวของเรา

ซึ่งอาจทำให้เกิดคราบขาวหรือรู้สึกเหนอะหนะผิวได้ แต่ก็มีข้อดีที่ช่วยลดโอกาสการแพ้และระคายเคืองผิว Physical Sunscreen จึงเหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย นอกจากนี้ สารกันแดดยังทำงานได้ทันทีหลังทา และสลายตัวได้ยาก แม้จะสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงค่ะ

ตัวอย่างสารกันแดด Physical Sunscreen

สารกันแดดใน Physical Sunscreen มักใช้แร่ธาตุธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการสะท้อนรังสี UV โดยไม่ซึมเข้าสู่ผิวหนังค่ะ ตัวอย่างสารสำคัญ ได้แก่ Zinc Oxide ที่มีความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งยังอ่อนโยนต่อผิว และ Titanium Dioxide มีประสิทธิภาพในการสะท้อนรังสี UV โดยเฉพาะ UVB และเหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย

ครีมกันแดด Physical Sunscreen
ครีมกันแดด Physical Sunscreen

คุณสมบัติ Physical Sunscreen

  • ช่วยสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกจากผิวโดยตรง
  • ไม่ต้องรอให้ซึมเข้าสู่ผิว
  • อ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย
  • ไม่ซึมเข้าสู่ผิวหนังเหมือนสารกันแดดเคมี
  • ไม่ก่อให้การอุดตันผิว ลดการเกิดสิว

ข้อดี – ข้อจำกัดครีมกันแดด Physical Sunscreen

ข้อดีครีมกันแดด Physical Sunscreen

  • ปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง
  • ให้การปกป้องทันทีหลังจากทา
  • ป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ครอบคลุม
  • เหมาะสำหรับเด็กและผู้ที่แพ้ง่ายต่อสารเคมี

ข้อจำกัดครีมกันแดด Physical Sunscreen

  • เนื้อผลิตภัณฑ์อาจมีความหนา ทาแล้วอาจเกิดคราบขาว
  • อาจลบเลือนง่ายเมื่อเหงื่อออกหรือล้างหน้า
  • ไม่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้เวลานาน เพราะต้องทาซ้ำบ่อย
  • Physical Sunscreen บางสูตรอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟินิชลุคแบบบางเบา

ครีมกันแดด Chemical Sunscreen คืออะไร ?

กันแดด Chemical Sunscreen คือ ครีมกันแดดที่ใช้สารเคมีในการดูดซับรังสี UV โดยไม่ทำลายผิว โดยสารเหล่านี้จะทำหน้าที่ดูดซับรังสี และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนก่อนปล่อยออกจากผิวหนังค่ะ ซึ่งแตกต่างจาก Physical Sunscreen ที่สะท้อนรังสีออกไปทันที

และครีมกันแดดประเภท Chemical Sunscreen มักจะมีเนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมซาบไว ไม่ทิ้งคราบขาว จึงเป็นครีมกันแดดที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้ ที่มองหาครีมกันแดดสำหรับทาในชีวิตประจำวันทั่วไป หรือใช้ร่วมกับการแต่งหน้า

ตัวอย่างสารกันแดด Chemical Sunscreen

สารกันแดดใน Chemical Sunscreen มักเป็นสารเคมีที่มีส่วนประกอบของธาตุคาร์บอน ที่มีส่วนช่วยดูดซับรังสียูวี เช่น

  • Avobenzone ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA
  • Oxybenzone ช่วยดูดซับรังสี UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Octinoxate ที่ช่วยป้องกันรังสี UVB ได้
  • Homosalate ช่วยเพิ่มความเสถียรของครีมกันแดดและเสริมการป้องกันรังสี UV
ครีมกันแดด Chemical Sunscreen
ครีมกันแดด Chemical Sunscreen

คุณสมบัติ Chemical Sunscreen

  • เปลี่ยนรังสี UV ให้เป็นพลังงานความร้อนก่อนปล่อยออกจากผิว
  • เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
  • ไม่ทิ้งคราบขาว และกลมกลืนกับเมคอัพ
  • เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งหรือในชีวิตประจำวัน

ข้อดี – ข้อจำกัดครีมกันแดด Chemical Sunscreen

ข้อดีครีมกันแดด Chemical Sunscreen

  • เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย และซึมเร็ว
  • ไม่ทิ้งคราบขาวบนผิว เหมาะสำหรับทุกโทนสีผิว
  • มีประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UV ได้ยาวนาน
  • เหมาะสำหรับการแต่งหน้า เพราะไม่ทำให้เมคอัพเป็นคราบ
  • มักกันน้ำและเหงื่อได้ดี เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง

ข้อจำกัดครีมกันแดด Chemical Sunscreen

  • ต้องรอกันแดดเซ็ตตัว 15-20 นาทีหลังทา เพื่อให้สารเคมีเริ่มทำงาน
  • อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองจนแพ้ครีมกันแดดในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • สารเคมีบางชนิด เช่น Oxybenzone อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เช่น แนวปะการัง
  • อาจไม่เหมาะกับเด็กหรือผู้ที่มีผิวบอบบางมาก

ครีมกันแดด Hybrid Sunscreen คืออะไร ?

กันแดด Hybrid Sunscreen คือ ครีมกันแดดที่ผสมผสานคุณสมบัติเด่นของ Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen เข้าไว้ด้วยกันค่ะ โดยมีส่วนผสมทั้งสารกันแดดจากแร่ธาตุธรรมชาติ และสารเคมีที่ช่วยในการดูดซับและสะท้อนรังสียูวี แบบครบจบในขวดเดียว ทำให้ได้ประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UV ที่ดีขึ้นจากครีมกันแดดประเภท Hybrid Sunscreen

ซึ่งครีมกันแดด Hybrid Sunscreen มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ และไม่ทิ้งคราบขาวค่ะ และกันแดดหลายสูตรมักมีส่วนผสมของสารบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น เรียกได้ว่าเป็นครีมกันแดดที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความสะดวกในการใช้งาน การปกป้องผิวจากแสงแดดและการบำรุงผิว ทำให้เป็นครีมกันแดด Hybrid Sunscreen ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

ตัวอย่างสารกันแดด Hybrid Sunscreen

สารกันแดดใน Hybrid Sunscreen ประกอบไปด้วยสารกันแดดที่อยู่ใน Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen ได้แก่

  • Zinc Oxide สารกันแดดแร่ธาตุที่ช่วยสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกจากผิว
  • Titanium Dioxide ที่ช่วยป้องกันรังสี UVB และบางส่วนของรังสี UVA
  • Avobenzone สารเคมีที่ช่วยดูดซับรังสี UVA
  • Octinoxate สารเคมีที่ช่วยป้องกันรังสี UVB
ครีมกันแดด Hybrid Sunscreen
ครีมกันแดด Hybrid Sunscreen

คุณสมบัติ Hybrid Sunscreen

  • ช่วยสะท้อนและดูดซับรังสี UV ทั้ง UVA และ UVB
  • เนื้อสัมผัสเบาสบาย เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่หนักหน้า
  • ใช้ส่วนผสม Physical แต่ลดปัญหาคราบขาวจากแร่ธาตุ
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะมีความอ่อนโยนใกล้เคียง Physical Sunscreen
  • เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ป้องกันแดดได้ดี และใช้งานสะดวก

ข้อดี – ข้อจำกัดครีมกันแดด Hybrid Sunscreen

ข้อดีครีมกันแดด Hybrid Sunscreen

  • ปกป้องรังสี UVA และ UVB ได้อย่างครอบคลุม
  • เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
  • ไม่ทิ้งคราบขาวแบบ Physical Sunscreen
  • อ่อนโยนต่อผิว ลดการระคายเคือง
  • ใช้งานสะดวก เหมาะสำหรับชีวิตประจำวัน

ข้อจำกัดครีมกันแดด Hybrid Sunscreen

  • ต้องทากันแดดอย่างถูกวิธี และใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้กันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ต้องทาซ้ำระหว่างวันทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อเสริมประสิทธิภาพกันแดด

ความแตกต่างของกันแดด Physical / Chemical / Hybrid Sunscreen

เนื้อสัมผัสของครีมกันแดด

  • Physical Sunscreen: เนื้อครีมหนา มักทิ้งคราบขาวเล็กน้อยบนผิว โดยเฉพาะกับคนผิวเข้ม
  • Chemical Sunscreen: เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่ทิ้งคราบขาว
  • Hybrid Sunscreen: เนื้อสัมผัสกลาง ๆ เกลี่ยง่ายเหมือน Chemical Sunscreen แต่มีความอ่อนโยนใกล้เคียง Physical Sunscreen
ความแตกต่างกันแดดแต่ละประเภท
เนื้อสัมผัสครีมกันแดด Physical / Chemical / Hybrid Sunscreen แตกต่างกัน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ครีมกันแดดแบบ Chemical Sunscreen อาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่ายกว่าค่ะ เพราะมีส่วนผสมของกันแดดแบบเคมีเป็นหลัก ในขณะที่ Hybrid Sunscreen จะมีความอ่อนโยน และมีผลข้างเคียงในการระคายเคืองได้น้อยกว่า แต่สำหรับคนผิวแพ้หรือระคายเคืองง่าย Physical Sunscreen จะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะเป็นครีมกันแดดที่ไม่ซึมเข้าผิว

ระยะเวลาการปกป้องผิว

สำหรับครีมกันแดดแบบ Physical Sunscreen แบบ Hybrid Sunscreen จะมีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสียูวีได้นานกว่าแบบ Chemical Sunscreen เพราะกันแดดแบบที่มีสารเคมี จะมีคุณสมบัติในการป้องกันแสงแดดทลดลงเมื่อสะสมแสงแดดไว้มาก ๆ ค่ะ ดังนั้นจึงควรเติมกันแดดซ้ำระหว่างวันทุก 2-3 ชั่วโมงเสมอค่ะ


ควรใช้ครีมกันแดด Physical / Chemical / Hybrid Sunscreen แบบไหนดีต่อผิว ?

สำหรับการเลือกครีมกันแดดแบบไหนดี ควรเลือกกันแดดตามลักษณะผิวและความต้องการค่ะ

เช่น หากผิวแพ้ง่าย ให้เลือกครีมกันแดดประเภท Physical Sunscreen แต่ถ้าเป็นคนที่มีผิวธรรมดาหรือผิวมัน อยากได้เนื้อสัมผัสของครีมกันแดดที่บางเบา การเลือกครีมกันแดดแบบ Chemical Sunscreen หรือ เลือกครีมกันแดดแบบ Hybrid Sunscreen ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการข้อดีจากกันแดดทั้งสองแบบ โดยเฉพาะคนที่ต้องการปกป้องผิวในชีวิตประจำวันค่ะ


สรุปเรื่องกันแดดผิวแบบ Physical / Chemical / Hybrid Sunscreen

ครีมกันแดดแต่ละแบบต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับใครที่อยากได้ครีมกันแดดที่ดูแลผิวได้อย่างครอบคลุม มีการบำรุงผิว และตอบโจทย์กับคนผิวแพ้ง่าย Hybrid Sunscreen ก็เป็นกันแดดที่ตอบโจทย์ เพราะเป็นประเภทครีมกันแดดที่นำจุดเด่นของกันแดดแบบ Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen มารวมไว้ด้วยกันค่ะ

ไม่ว่าจะใช้กันแดดประเภท Physical / Chemical หรือ Hybrid Sunscreen ก็ตาม ควรหมั่นทากันแดดซ้ำระหว่างวันเสมอ เพื่อเสริมประสิทธิภาพกันแดดให้ปกป้องผิวระหว่างวันได้นานยิ่งขึ้นค่ะ

Categorized in:

Beauty,

Last Update: 01/27/2025