แพ้ครีมกันแดด
อาการแพ้ครีมกันแดด ปัญหาที่หลายคนต้องเจอต้องเจอเมื่อใช้กันแดดทาหน้าทาตัว โดยเฉพาะกับคนผิวแพ้ง่าย ที่ทาครีมกันแดดไปแล้วมักจะมีอาการคัน ผื่นขึ้น หรือมีสิวขึ้นบริเวณที่ทา ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงการแพ้สารกันแดดในครีมกันแดดกันทั้งนั้นค่ะ
ซึ่งการแพ้ครีมกันแดดนั้นเกิดจากการแพ้สารเคมีบางชนิดในครีม การระคายเคืองจากสารบางตัว หรือแม้แต่การอุดตันของรูขุมขน แต่จะไม่ใช้ครีมกันแดดเลย ก็เสี่ยงผิวโดนทำร้ายจากแสงแดดจนผิวพังอีก ในบทความนี้ Goodlybeauty ขอพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการแพ้กันแดด และวิธีการเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว เพื่อป้องกันปัญหาการแพ้ครีมกันแดดกัน
คลิกอ่านหัวข้อ แพ้ครีมกันแดด
สารกันแดดที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดอาการแพ้ครีมกันแดด
สารกันแดดที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดอาการแพ้ครีมกันแดด มีหลายตัวดังนี้ค่ะ
- Oxybenzone (Benzophenone-3) – เป็นสารเคมีที่ใช้ในครีมกันแดดที่พบได้บ่อย สารนี้มีศักยภาพในการก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ผื่นแพ้ และอาการแพ้ได้ในบางคน
- Octinoxate (Octyl methoxycinnamate) – เป็นสารกรองแสง UV ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่อาจก่อให้เกิดความไวต่อการแพ้ในคนบางกลุ่ม
- PABA (Para-aminobenzoic acid) – เป็นสารกรองแสง UV ที่ใช้กันมานาน แต่ปัจจุบันไม่ค่อยใช้แล้ว เพราะมีแนวโน้มก่อให้เกิดการระคายเคือง และความไวต่อการแพ้ในบางคน
- Octocrylene – เป็นสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์กันแดดหลายชนิด แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผื่นแพ้หรือการระคายเคืองผิวได้
- Avobenzone (Butyl methoxydibenzoylmethane) – แม้จะเป็นสารกรองแสง UVA ที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน
วิธีสังเกตว่ามี อาการแพ้ครีมกันแดด หรือไม่ ?
1. รู้สึกแสบร้อนผิวหลังทา
สำหรับใครที่มีอาการแพ้ครีมกันแดดแบบทันที หลังทาครีมกันแดดลงไป จะรู้สึกแสบร้อนบนผิวหลังทา ก่อนที่ผิวหน้าและผิวกายจะค่อย ๆ มีรอยแดงขึ้นเรื่อย ๆ ในบางรายหากมีอาการแพ้รุนแรง อาจจะรู้สึกเจ็บปวดร่วมด้วย หลังทาครีมกันแดด
2. มีผื่นขึ้นเป็นปื้นบริเวณที่ทา
สำหรับใครที่มีอาการแพ้ครีมกันแดด หากไม่ได้รู้สึกแสบร้อน อีกหนึ่งอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ คือ มีผื่นขึ้นเป็นปื้นบริเวณที่ทาลงไปค่ะ ซึ่งอาจจะมีอาการแสบ หรือคันร่วมด้วย เกิดจากการแพ้สารเคมีบางตัวที่อยู่ในครีมกันแดด เช่น น้ำหอม พาราเบน หรือแอลกอฮอล์
3. มีสิวเห่อขึ้นหลังทาครีมกันแดด
หลังจากใช้ครีมกันแดด แล้วมีอาการสิวเห่อ ร่วมกับการมีรอยแดงหลังทาครีมกันแดดทันที หรือหลังจากทาครีมกันแดดไปแล้ว 1-2 วัน มีความเป็นไปได้สูงค่ะที่เราจะแพ้ครีมกันแดดยี่ห้อนั้น ๆ โดยลักษณะของสิวที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นสิวไม่มีหัว หรือเป็นสิวผด ที่อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย
4. ผิวลอกเป็นแผ่น
สำหรับใครที่มีอาการผิวแห้งลอกเป็นแผ่น รวมทั้งมีอาการระคายเคืองผิว หรือมีรอยแดงร่วมด้วยหลังจากทาครีมกันแดด นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกได้ว่าเรากำลังแพ้ครีมกันแดดค่ะ
โดยเฉพาะครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์ ที่ทำให้ผิวระคายเคืองและดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว จนทำให้เกิดอาการผิวลอกตามมาได้
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ทากันแดดแล้วเป็นขุย เป็นคราบขึ้นหน้า เกิดจากอะไร พร้อมวิธีป้องกัน
5. ผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
สำหรับใครที่มีอาการแพ้ครีมกันแดด ผิวของเราจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงในบริเวณที่ทา และอาจจะมีอาการคันร่วมด้วย บางคนอาจจะมาพร้อมกับผื่นคัน อาการแสบร้อน หรือบางคนอาจจะมีแค่ผิวแดงอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน
6. มีตุ่มใส หรือ ตุ่มแดงขึ้น
สำหรับใครที่ใช้ครีมกันแดดแล้วมีตุ่มใส หรือตุ่มแดงขึ้นมาบนใบหน้า นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการแพ้ครีมกันแดดค่ะ
ซึ่งเกิดจากการแพ้ออยล์ที่อยู่ในครีมกันแดด หรือส่วนผสมบางชนิด ที่ก่อให้เกิดการอุดตันผิว จนทำให้รูขุมขนไม่สามารถระบายออกมาได้ ส่งผลให้เกิดตุ่มใส หรือตุ่มแดง ที่อาจจะเกิดการอักเสบและระคายเคืองขึ้นมาบนผิวได้
7. ผิวไวต่อแสง
สำหรับใครที่ทาครีมกันแดด แล้วมีอาการผิวแดง ระคายเคืองง่าย หรือมีความหมองคล้ำได้ง่ายหลังจากทาครีมกันแดด โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าหรือลำคอที่ทาครีมกันแดด
นั่นอาจเป็นหนึ่งสัญญาณเตือนในการแพ้ครีมกันแดดค่ะ ทำให้ผิวไวต่อแสงและผิวบางลงกว่าเดิมจนทำให้ผิวแสบ ระคายเคืองได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อเจอแสงแดด
แพ้ครีมกันแดดทาหน้า ทาตัว อันตรายหรือไม่ ?
การแพ้ครีมกันแดดสามารถมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรงได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ในบางกรณีค่ะ
อาการแพ้เฉพาะที่มักมีอาการไม่รุนแรง เช่น ผื่นแดง คัน ระคายเคือง ซึ่งมักไม่เป็นอันตรายมาก แต่ก็ควรหยุดใช้ครีมกันแดดนั้นทันที อย่างไรก็ตามบางรายอาจเกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกิน ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารในครีมกันแดด โดยมีอาการบวมแดง ลมพิษ หรือหายใจลำบาก กรณีนี้จะเป็นอันตรายมากกว่า หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์ให้ไวที่สุด
นอกจากนี้อาการแพ้ครีมกันแดดอาจเกิดจากปฏิกิริยาแพ้แสงสัมผัส ซึ่งเป็นผลจากปฏิกิริยาของสารเคมีในครีมกันแดด เมื่อสัมผัสแสง UV ทำให้เกิดผื่นแพ้รุนแรง บวม แสบร้อน หรือตุ่มพอง ในกรณีนี้จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว ที่สำคัญคือ การแพ้ครีมกันแดดบ่อย ๆ อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ค่ะ
ดังนั้นหากมีอาการแพ้ครีมกันแดดไม่ว่าจะทาบริเวณใด ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันที หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยและรักษาให้ถูกต้อง รวมถึงควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ และทดสอบก่อนใช้จริง เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้ซ้ำ
วิธีรักษาอาการแพ้ครีมกันแดด ต้องทำอย่างไร ?
วิธีรักษาอาการแพ้ครีมกันแดด ทำได้หลายวิธีดังนี้ค่ะ
- หยุดใช้ครีมกันแดดที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ทันที และล้างบริเวณที่ทาครีมออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด
- ทายาแก้แพ้ชนิดที่มีส่วนผสมของ Hydrocortisone เพื่อบรรเทาอาการคัน แดง และระคายเคือง
- รับประทานยาแก้แพ้ เช่น ยากลุ่ม Antihistamines เพื่อลดอาการคัน บวม และผื่นแพ้
- ประคบเย็นบริเวณที่เป็นผื่นแพ้ เพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง และลดการบวมแดง
- หากมีอาการแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก ใจสั่น มีผื่นทั่วตัว ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยด่วน
- เมื่ออาการแพ้ทุเลาลง ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีส่วนผสมของสารก่อภูมิแพ้ และทดสอบก่อนใช้จริง
- หากเป็นไปได้ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือครีมที่ระบุว่าเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย สูตรอ่อนโยน
- ในระหว่างที่มีอาการแพ้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด และสวมใส่เสื้อผ้าปกปิดผิวให้มิดชิด
- ถ้ามีอาการแพ้บ่อยหรือเป็นเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อตรวจหาสาเหตุ และหาวิธีรักษาที่เหมาะสมต่อไป
แพ้ครีมกันแดด ควรพบแพทย์หรือไม่ ?
การแพ้ครีมกันแดดนั้น หากมีอาการไม่รุนแรง เช่น ผื่นแดงเล็กน้อย คัน หรือระคายเคืองเฉพาะที่ อาจไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ทันที สามารถหยุดใช้ครีมกันแดดที่แพ้ ทำความสะอาดผิวให้หมด และใช้ยาทาแก้แพ้เฉพาะที่ หรือรับประทานยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการได้ค่ะ
อย่างไรก็ตามหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน หรือมีอาการแพ้ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ผื่นแพ้ขยายวงกว้าง บวมมาก มีอาการหอบหืด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็ว
นอกจากนี้หากมีประวัติแพ้ครีมกันแดดมาก่อนหรือมีอาการแพ้บ่อยครั้ง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการทดสอบการแพ้และหาสาเหตุที่แท้จริง โดยแพทย์จะช่วยแนะนำวิธีเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม และวางแผนการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้กันแดดซ้ำในระยะยาว
ควรเลือกซื้อกันแดดอย่างไร ? เพื่อป้องกันการแพ้ครีมกันแดด
สำหรับใครที่กำลังมองหาครีมกันแดด โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย การเลือกซื้อครีมกันแดด ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ค่ะ ซึ่งควรมีวิธีการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว และป้องกันการแพ้ครีมกันแดดดังนี้
- เลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว – ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบาง หรือผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ซึ่งมักมีส่วนผสมอ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดการแพ้ – เช่น Oxybenzone, Octinoxate, PABA, Octocrylene โดยดูจากส่วนผสมที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์
- เลือกครีมกันแดดที่ให้ความชุ่มชื้น – ครีมที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นจะช่วยป้องกันผิวแห้ง ลดการระคายเคือง และอาการแพ้ได้
- พิจารณาเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ – เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ สารสกัดจากชาเขียว หรือน้ำมันจากเมล็ดองุ่น ซึ่งอ่อนโยนต่อผิวและมีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อยกว่า
- เลือกใช้ครีมที่มีค่า SPF และ PA เพียงพอ – เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรเลือก SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป และ ค่า PA3+ ขึ้นไป
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง – เพื่อประเมินความเสี่ยงในการแพ้หรือระคายเคืองของผลิตภัณฑ์ และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจซื้อ
- ทดสอบก่อนใช้จริง – แม้จะเลือกผลิตภัณฑ์ตามเกณฑ์ข้างต้นแล้ว ก็ควรทดสอบการแพ้โดยทาครีมบริเวณท้องแขนด้านในก่อน หากไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้นหลังผ่านไป 24 ชั่วโมง จึงนำมาใช้ได้
สรุปเรื่องแพ้ครีมกันแดด
การแพ้ครีมกันแดด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งจะมีทั้งแพ้ทันทีหรือหลังจากนั้น 2-3 วัน เช่น ผิวแสบร้อน คัน ผื่นแดง มีสิวขึ้น ซึ่งเกิดจากการแพ้สารกันแดดบางชนิดในครีม สำหรับใครที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง พร้อมทั้งทดลองทาก่อนใช้จริงค่ะ
หากพบอาการแพ้ครีมกันแดด ควรหยุดใช้ทันทีและปรึกษาแพทย์ผิวหนัง นอกจากนี้ยังควรเลือกครีมกันแดดที่อ่อนโยนต่อผิว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ และเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อการปกป้องผิวที่ดีและปลอดภัย