ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

คนที่พักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาดูแลตัวเองคงจะกังวลกับปัญหารอบดวงตากันอยู่ไม่น้อย เพราะเวลาส่องกระจกก็จะเห็นใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ถุงใต้ตามากวนใจ และยิ่งอายุมากขึ้น ก็จะมองเห็นริ้วรอยชัดกว่าเดิม ทำให้ใบหน้ายิ่งดูเหนื่อยล้า และขาดความสดใสเป็นอย่างมาก 

หากใครที่ลองแก้ปัญหามาหลายวิธีแล้ว แต่ก็ยังไม่ Work! เราขอแนะนำให้รู้จักกับ “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” ที่เป็นวิธีแก้ปัญหาใต้ตาอย่างตรงจุด และเห็นผลเร็ว เหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ชอบรอนาน ๆ และไม่ค่อยมีเวลาในการบำรุงใต้ตา 

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ? ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ? อันตรายไหม ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ? ดูแลตัวเองก่อนและหลังทำวุ่นวายไหม ? Goodlybeauty จะพาไปหาคำตอบกัน!


ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ? 

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารไฮยาลูโรนิก แอซิดเข้าไปบริเวณผิวใต้ตา เพื่อทดแทนไขมัน หรือกระดูกใต้ตาที่ยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น ฟิลเลอร์จะไปเติมเต็มเนื้อบริเวณรอบดวงตา ช่วยให้ร่องลึกบริเวณดวงตาดูตื้นขึ้น ขอบตาคล้ำดูจางลง และปรับให้ใบหน้ากลับมาดูสดใส 

นอกจากนี้ฟิลเลอร์แท้หรือสารไฮยาลูโรนิก แอซิดยังมีคุณสมบัติกักเก็บน้ำ จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณใต้ตา เมื่อฟิลเลอร์สลายไป คอลลาเจนและอีลาสตินที่ร่างกายสร้างมาก็ยังคงอยู่ ผิวจึงยังคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ และยังดูสุขภาพดีกว่าตอนก่อนฉีดอีกด้วย

โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้ประมาณ 2-4 CC ขึ้นอยู่กับการประเมินของคุณหมอ ซึ่งหลังฉีดจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที และผลลัพธ์จะชัดเจนใน 2 สัปดาห์ค่ะ 


ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ? 

ไม่อันตรายค่ะ เพราะฟิลเลอร์เป็นกรด HA ที่มีอยู่ภายในร่างกายของเราอยู่แล้ว โดยเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างและเนื้อเยื่อของร่างกาย สำหรับฟิลเลอร์ประเภทนี้จะสามารถย่อยสลายได้เอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง

ทั้งนี้ อันตรายจะเกิดขึ้นในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ของปลอม ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้เอง หรือในอีกกรณีหนึ่ง คือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคุณหมอที่ไม่มีประสบการณ์ค่ะ

เนื่องจากตำแหน่งใต้ตาเป็นจุดที่มีหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงอวัยวะบริเวณลูกตา การฉีดฟิลเลอร์กับหมอที่ไม่มีประสบการณ์อาจฉีดผิดพลาดเข้าหลอดเลือดแดงได้ ทำให้ฟิลเลอร์อุดตันในหลอดเลือดที่เชื่อมกับจอประสาทตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดได้ค่ะ


ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง-

ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถใช้แก้ปัญหาบริเวณดวงตาได้อย่างตรงจุด และมักเป็นจุดแรก ๆ ที่คุณหมอแนะนำให้ทำค่ะ เพราะกระดูกใต้ตาของเราจะเริ่มยุบลงเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ส่งผลให้เกิดเป็นริ้วรอยรอบดวงตา เช่น ร่องน้ำตา เบ้าตาลึก หรือถุงใต้ตา โดยฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • ตาโหลและเบ้าตาลึก เกิดจากกระดูกยุบตัว ส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุเพิ่มขึ้น 
  • ริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยรอบดวงตา เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ที่ทำหน้าที่ในการพยุงผิวหนัง
  • ใต้ตาดำคล้ำ เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือภูมิแพ้ ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรมและดูเหนื่อยล้า
  • ถุงใต้ตา เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนัง และผนังกั้นเปลือกตาล่างอ่อนแรงลง ทำให้ไขมันใต้ตาหย่อนลงมาจนมองเห็นเป็นถุงใต้ตาชัดเจน ส่งผลให้ริ้วรอยและร่องใต้ตาดูชัดขึ้นตามไปด้วยค่ะ

ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

หลังจากรู้แล้วว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ? สาว ๆ คงจะยิ่งให้ความสนใจหัตถการนี้กันมากขึ้น จนสงสัยว่า ฟิลเลอร์ใต้ตามีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ? งั้นเรามาดูข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจกันนะคะ  

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • แก้ปัญหาใต้ตาได้หลากหลาย เช่น กระดูกยุบตัว ใต้ตาคล้ำ และริ้วรอยรอบดวงตา
  • เห็นผลลัพธ์เร็ว โดยสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์
  • ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยรอบดวงตาให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต ที่บริเวณรอบดวงตา
  • ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • ไม่มีรอยแผลเป็น
  • ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย เพราะฟิลเลอร์สามารถสลายได้หมด 100% 
  • หลังฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้อีก 
  • สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ โดยอาจปรึกษากับคุณหมอเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • จำเป็นต้องฉีดซ้ำ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน เพราะฟิลเลอร์ใต้ตาจะสลายไปตามธรรมชาติ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีรอยเข็มหรืออาการบวมแดงในจุดที่ฉีด แต่สามารถหายไปเองใน 2-3 วัน
  • หากคุณหมอไม่มีประสบการณ์ หรือขาดเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน และใต้ตาดูบวม ไม่เป็นธรรมชาติได้

ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ดูแลตัวเองอย่างไร ?

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ถ้าอยากยืดอายุฟิลเลอร์ใต้ตาให้อยู่กับเรานานขึ้น และอยากสวยทันทีหลังฉีดโดยไม่มีปัญหาตามมา ควรดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดค่ะ ซึ่งมีดังนี้

เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ศึกษา และทำความเข้าใจยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่คุณหมอแนะนำ
  • แจ้งคุณหมอเกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาที่กินเป็นประจำทุกครั้ง
  • งดยา อาหารเสริม หรือวิตามิน เช่น แอสไพริน, NSAIDs และวิตามินอี
  • งดการทายาผลัดเซลล์ผิว และการแว็กซ์
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกายหนัก ๆ

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? รวม 5 ยี่ห้อฟิลเลอร์ตัวดัง คลินิกชั้นนำนิยมใช้!

ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณจุดที่ฉีด เช่น การเกา การแกะ และการขยี้ตา
  • กินยาตามคำแนะนำของคุณหมอ
  • ดื่มน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน จะช่วยให้ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานขึ้น
  • อยู่ในสถานที่ที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกรูปแบบ อย่างน้อย 2 วัน
  • งดเลเซอร์ร้อนที่ลงชั้นผิว 1 เดือน

สรุปเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ตา

สาว ๆ ที่อยากแก้ปัญหาใต้ตาให้กลับดูสดใสเหมือนนอนเต็มอิ่มในทุกวัน แต่ไม่มีเวลาทาสกินแคร์ และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ตอบโจทย์มาก เพราะช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา และปัญหากระดูกได้ตายุบตัวได้อย่างตรงจุด เห็นผลชัดเจน ใต้ตาจะดูเต็มขึ้น ริ้วรอยและความหมองคล้ำดูจางลงทันทีหลังฉีด

สำหรับใครที่อยากจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อปรับให้ใบหน้าเหนื่อยล้า และรอยคล้ำหมีแพนด้าให้กลับมาสดใสอีกครั้ง อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิกเสริมความงาม ฟิลเลอร์ของแท้ และคุณหมอที่ฉีดนะคะ

Categorized in:

Filler,

Last Update: 08/20/2024