ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สมดุล ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับใครที่สงสัยว่าฉีดฟิลเลอร์คืออะไร ? เหมาะกับใคร ? ช่วยอะไรบ้าง ? เลือกยี่ห้อไหนดี ? บทความนี้ Goodlybeauty ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์มาให้แล้วค่ะ
สารบัญ ฟิลเลอร์
ทำความรู้จัก “ ฟิลเลอร์ ” คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราค่ะ โดย HA มีคุณสมบัติกักเก็บน้ำ เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้า ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิวที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้นค่ะ
โครงสร้างผิวที่สำคัญ เช่น กรดไฮยาลูรอน คอลลาเจน จะถูกผลิตได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นไม่กระชับ เวลาขยับใบหน้าก็จะไม่คืนตัวเหมือนเคย ส่งผลให้เกิดรอยพับจนกลายเป็นริ้วรอยร่องลึกตามมา
การฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด จึงเป็นตัวช่วยชั้นดีในการแก้ปัญหาผิว เพราะเป็นการเติมเต็มคอลลาเจนที่ขาดหายไป ทำให้ผิวหน้ากลับมาเต่งตึง ชุ่มชื้น อ่อนเยาว์อีกครั้ง ที่สำคัญการฉีด Filler เข้าไปในชั้นผิวยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น กระชับเต่งตึง ช่วยชะลอผิวให้แก่ช้าลงกว่าเดิมด้วยค่ะ
ประเภทของฟิลเลอร์
เมื่อพูดถึง “ฟิลเลอร์” ในประเทศไทย หมายถึง ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิค แอซิด แต่ในทางการแพทย์ “ฟิลเลอร์” หมายถึงสารเติมเต็มทุกชนิด ไม่จำกัดแค่ฟิลเลอร์ในรูปแบบที่เราเข้าใจเท่านั้น ซึ่งฟิลเลอร์ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler)
เป็นฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง ฉีดแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ หลังจากฟิลเลอร์สลายหมดแล้วสามารถเติมได้เรื่อย ๆ เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)
เป็นสารประเภทแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) หรือ กรดโพลี-แอล-แลคติค (PLLA) สามารถอยู่ในร่างกายนานกว่าแบบแรก แต่ไม่สามารถสลายได้เอง 100%
ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler)
เป็นสารเติมเต็มประเภทซิลิโคนเหลว หรือ พาราฟิน เป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ ทำให้เกิดสารตกค้างในชั้นผิว ต้องทำการผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น มีผลข้างเคียงระยะยาว และไม่ได้รับการรับรองจากประเทศไทยเช่นกัน
Fact : ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด เป็นเพียงฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศไทย และอนุญาตให้ฉีดเข้าสู่ร่างกายได้ มีความปลอดภัยสูง
สารเติมเต็มประเภทซิลิโคนเหลว หรือ พาราฟิน ไม่แนะนำให้ฉีดนะคะ เพราะฉีดแล้วไม่สามารถสลายได้ แถมยังเสี่ยงต่อผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ เช่น ฟิลเลอร์เน่า ฟิลเลอร์ไหล
ฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?
ฟิลเลอร์ไม่อันตรายค่ะ เพราะสารไฮยาลูโรนิค แอซิด เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว และฟิลเลอร์ก็สามารถสลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างให้กังวลใจแน่นอน ที่สำคัญฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มผิวที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ทั้งในประเทศไทยและอเมริกาว่าฟิลเลอร์มีความปลอดภัยเข้ากับร่างกายได้ดี และสามารถใช้ฉีดฟิลเลอร์หน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
แม้ว่าฟิลเลอร์จะไม่อันตราย แต่ใช่ว่าจะฉีดกับใครหรือฉีดที่ไหนก็ได้นะคะ เพราะหากไม่ระวัง เลือกใช้คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ไม่มีประสบการณ์มากพอ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม นอกจากจะได้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า แต่ยังส่งผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดตามมาอีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยอะไรบ้าง ?

- ช่วยทดแทนโครงสร้างผิว ที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น เช่น กรดไฮยาลูรอน คอลลาเจน
- ช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอย ให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง เช่น ริ้วรอยร่องใต้ตา ริ้วรอยร่องปาก
- ช่วยเติมเต็มหลุมสิว รูขุมขน ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
- ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
- ช่วยชะลอ และป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต
- ช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ มีสุขภาพดี
- ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น ฟิลเลอร์ปากสายฝอ ฟิลเลอร์คางหน้าวีเชฟ
ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร ?
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอย บริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องมุมปาก ร่องใต้ตา ตีนกา
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงใบหน้า ให้มีมิติมากขึ้น เช่น คาง ขมับ กรอบหน้า
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงปากให้ได้รูปมากขึ้น แก้ไขปากแห้งเป็นร่องเป็นขุย
- ผู้ที่ต้องการบำรุงใบหน้า ให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียน อ่อนเยาว์อีกครั้ง
- ต้องการกระชับรูขุมขน เติมเต็มหลุมสิวบนใบหน้า
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว หลังทำเห็นผลลัพธ์ทันที
- ผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่ต้องการลางาน
ฟิลเลอร์ ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งค่ะ ซึ่งตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์ยอดนิยม ฉีดแล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน มีด้วยกัน 7 ตำแหน่ง ได้แก่
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา : ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตา ใต้ตาดำคล้ำ ให้กลับมาสดใส ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นจุดแนะนำที่ควรเติมฟิลเลอร์เป็นตำแหน่งแรก ๆ
2. ฟิลเลอร์คาง : ช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางไม่เท่ากัน ปรับรูปหน้าให้สมมาตร ดูเรียวสวยเป็นวีเชฟ โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม
3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้ม ลึก ริ้วรอยร่องแก้มที่ทำให้ดูหน้าแก่กว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา และการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้ม ที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น หลังฉีดจะช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างชัดเจน
4. ฟิลเลอร์ปาก : ช่วยปรับรูปทรงปากได้ตามต้องการ เช่น ปากสายฝอ ปากกระจับ ปากสายเกา หรือปรับปากให้เท่ากัน และยังช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยริมฝีปาก ปากแห้ง ปากคล้ำ
5. ฟิลเลอร์ขมับ : ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน เติมขมับตอบ ลดโหนกแก้มเด่น ใบหน้าดูอ่อนหวานขึ้น และยังช่วยในเรื่องริ้วรอยหางตาให้เต่งตึงขึ้นอีกด้วย
6. ฟิลเลอร์จมูก : ช่วยเสริมดั้งโด่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถเสริมปลายจมูกหยดน้ำได้ เหมาะกับผู้ที่มีฐานจมูกเดิมอยู่แล้ว แต่ต้องการปรับทรงจมูกให้ได้รูปมากขึ้น
7. ฟิลเลอร์หน้าผาก : ช่วยเติมเต็มรอยย่นบนหน้าผาก แก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ รอยบุ๋มที่หน้าผาก และยังเติมหน้าผากให้ได้สัดส่วนสวยงาม ตามลักษณะโหงวเฮ้งหน้าผากที่ดีได้ด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่ ?
การฉีดฟิลเลอร์ราคาจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ-รุ่นของฟิลเลอร์ ปริมาณ CC ที่ใช้ เทคนิคการฉีดของแพทย์ ตำแหน่งที่ฉีด และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกค่ะ โดยทั่วไปแล้วราคาฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดโดยเฉลี่ยมีดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท ต่อ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์คาง : ราคาเริ่มต้นที่ 7,500 บาท ต่อ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ราคาเริ่มต้นที่ 11,000 บาท ต่อ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก : ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท ต่อ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ : ราคาเริ่มต้นที่ 6,990 บาท ต่อ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์จมูก : ราคาเริ่มต้นที่ 14,000 บาท ต่อ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก : ราคาเริ่มต้นที่ 16,900 บาท ต่อ 1 CC
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสุด แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานไหม ?
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์อยู่หลายยี่ห้อ ซึ่งไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนที่ดีที่สุด เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละตำแหน่ง โดยฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. และนิยมใช้ในคลินิกเสริมความงาม มีด้วยกันอยู่ 4 ยี่ห้อ ได้แก่ Juvederm, Restylane, Belotero และ Definisse

- Juvederm : ฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดดเด่นในเรื่องของผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วฟู อีกทั้งยังช่วยยกกระชับ ทนต่อการขยับได้ดี ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดมีความเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน และอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน
- Restylane : ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน โดดเด่นในเรื่องของขนาดโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่หลากหลาย ทำให้มีฟิลเลอร์หลายรุ่น เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น เติมความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยยกพยุงผิวได้ สามารถใช้แก้ปัญหาบนใบหน้าได้หลายจุด และอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน
- Belotero : ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดดเด่นในเรื่องของเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง คงตัว ปั้นทรงได้สวย หลังฉีดมีความเรียบเนียนไม่จับตัวเป็นก้อน สามารถฉีดเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูก หรือเนื้อเยื่อผิวหนังได้ และอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน
- Definisse : ฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี โดดเด่นในเรื่องของเนื้อฟิลเลอร์คงสภาพดี ทำให้ช่วยยกพยุง และปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานประมาณ 8-18 เดือน
ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าและแนะนำยี่ห้อ-รุ่นฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว และสภาพปัญหาที่ต้องการแก้ไขในแต่ละบุคคลค่ะ
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? รวมยี่ห้อฟิลเลอร์ตัวดัง คลินิกชั้นนำนิยมใช้!
ฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่ง ใช้กี่ CC ?
การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละตำแหน่งบนใบหน้าจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะบุคคล ตำแหน่งที่ฉีด และความต้องการของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วการใช้ฟิลเลอร์ 1 CC จะสามารถเติมเต็มบางตำแหน่งได้อย่างเพียงพอ ในขณะที่บางตำแหน่งอาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ปริมาณฟิลเลอร์โดยเฉลี่ยที่ใช้ในแต่ละตำแหน่งมีดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC
- ฉีดฟิลเลอร์คาง : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC
- ฉีดฟิลเลอร์จมูก : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 3-5 CC
อย่างไรก็ตามปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้อาจมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยแพทย์จะช่วยประเมินและแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์และสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เตรียมตัวอย่างไร ?

- ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ รวมทั้งศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ
- เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาบนใบหน้าและรับคำแนะนำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดยาแอสไพริน, NSAIDs วิตามินและครีมชนิดผลัดเซลล์ผิว งดการแวกซ์
- งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น โดยวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าใน 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- งดการกด นวด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
- งดทำหัตถการและเลเซอร์ที่ใช้ความร้อนลงลึกทุกชนิด เช่น Thermage, Hifu, RF อย่างน้อย 1 เดือนหลังฉีด
- งดกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงหรือออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนของฟิลเลอร์
- งดการสัมผัสความร้อนทุกชนิด เช่น การอบซาวน่า โยคะร้อน หรือโดนแดดจัดในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู สวย ได้รูปทรงที่สวยงาม และอยู่ได้นานขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี ?

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ? ขอตอบว่าควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้มาตรฐานค่ะ เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องและแม่นยำ ไม่ใช่ใครก็สามารถฉีดได้นะคะ
ซึ่งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานจะเพิ่มความมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ได้ผลลัพธ์คุ้มค่าสมการรอคอยแน่นอน สามารถเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์จากวิธีต่อไปนี้ได้เลยค่ะ
- คลินิกขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับกระทรวงสาธารณสุข มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก แสดงอยู่ในที่ที่เห็นง่าย พร้อมกับป้ายชื่อของคลินิก
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ ได้มาตรฐาน ผ่าน อย. สามารถตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
- แพทย์มีประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และประเมินใบหน้าเพื่อทำการแก้ไขได้ตรงจุด
- คลินิกตั้งอยู่ในทำเลน่าเชื่อถือ สังเกตเห็นได้ง่าย
- ห้องทำหัตถการกว้างขวาง อุปกรณ์ครบครัน สะอาด ได้มาตรฐาน
- มีการติดตามผลหลังทำหัตถการ รวมไปถึงให้คำแนะนำปฏิบัติตัวก่อน – หลังอย่างใกล้ชิด มีช่องทางติดต่อคลินิกได้สะดวก
- มีรีวิวการฉีดฟิลเลอร์ Before – After ที่น่าเชื่อถือจากผู้ใช้บริการจริง
สรุปฟิลเลอร์ตัวช่วยปรับรูปหน้าให้มีมิติ
ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลายอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือเพิ่มความชุ่นชื้นให้แก่ผิวหน้า ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เติมเต็มหลุมสิว รวมไปถึงการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน เช่น ปรับทรงปาก ปรับคางให้สมมาตรรับกับใบหน้า
นอกจากนี้ หากเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์แท้ไม่ใช้ฟิลเลอร์หิ้ว สามารถมั่นใจได้ว่าหลังฉีดฟิลเลอร์จะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าแน่นอนค่ะ !